ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างชำระและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์

จำเลยให้การ แก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มิได้กระทำความผิดต่อจำเลย จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานภาค 3 มีคำสั่งอายัดเงินจำนวน 147,151.57 บาท ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสินสถาพร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว จะจ่ายให้แก่โจทก์ เนื่องจากโจทก์ออกจากงานและลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสินสถาพร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว และแจ้งให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดังกล่าวจ่ายเงินสะสมให้แก่โจทก์จึงเข้าลักษณะที่โจทก์ตั้งใจจะยักย้ายทรัพย์สินของตน จึงขอให้อายัดเงินสะสมดังกล่าวไว้ก่อนศาลจะมีคำพิพากษา

โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษาว่า โจทก์ไม่มีเจตนายักย้ายทรัพย์สินตามที่จำเลยกล่าวอ้าง เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในส่วนของลูกจ้างที่มีสิทธิได้รับเมื่อลาออกหรือถูกเลิกจ้างมีลักษณะเป็นเบี้ยเลี้ยงชีพ จึงเป็นเงินหรือสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ขอให้ยกคำร้อง

ศาลแรงงานภาค 3 ไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานภาค 3 รับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ลาออกจากงานและลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสินสถาพร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว จึงมีสิทธิได้รับเงินที่โจทก์สะสมไว้เองจากกองทุนดังกล่าวเป็นเงิน 147,151.57 บาท ตามเช็คและรายงานการสิ้นสุดสมาชิกภาพ

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิขออายัดเงินสะสมของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์อ้างว่า โจทก์ออกจากงานและลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสินสถาพร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว แล้วโจทก์แจ้งให้กองทุนดังกล่าวจ่ายเงินสะสมให้แก่โจทก์เองโดยจ่ายเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์มิได้คงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุนและคงการเป็นสมาชิกไว้ต่อไป ดังนั้น เงินดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ.2530 มาตรา 23/3 และมาตรา 24 จึงต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีนั้น เห็นว่า มาตรา 23/3 ของบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้ลูกจ้างมีสิทธิคงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุนและคงการเป็นสมาชิกต่อไป ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้สิทธิแก่ลูกจ้างเพื่อสร้างความต่อเนื่องของการออมเงินโดยผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คดีนี้เมื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสินสถาพร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์ ไว้ก่อนศาลมีคำพิพากษา กรณีจึงเป็นการที่โจทก์ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง หาใช่การใช้สิทธิคงเงินตามมาตรา 23/3 ดังที่จำเลยอุทธรณ์อ้างมาไม่ เงินดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามมาตรา 24 แล้ว ที่ศาลแรงงานภาค 3 มีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีอำนาจอายัดสิทธิเรียกร้องของโจทก์และให้ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร.461/2557

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th