ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง, 72 ตรี วรรคหนึ่ง วรรคสาม พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง วรรคสาม, 26/4, 26/5 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วถางหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 13,333.33 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับทางนำสืบของจำเลยแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี คุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ภายในเวลา 2 ปี ห้ามจำเลยกระทำความผิดที่เป็นการทำลายสภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในลักษณะเดียวกันภายในระหว่างเวลาที่คุมความประพฤติ และให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 40 ชั่วโมง กับให้จำเลยเข้ารับการอบรมโครงการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าไม้และรักษาสิ่งแวดล้อมตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กับให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง และบริวารออกไปจากป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุ และให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ทำละเมิดจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่กรมป่าไม้ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในส่วนแพ่งให้เป็นพับ (อันดับ 49)
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ (อันดับ 60)
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 1,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ซึ่งเป็นวันทำละเมิดเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่กรมป่าไม้ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (อันดับ 70)
จำเลยยื่นฎีกา (อันดับ 75)
ศาลฎีกามีคำสั่งที่ ครพ.สว.5772/2564 โดยให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกา และมีคำสั่งเป็นว่าไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาล จึงไม่มีค่าขึ้นศาลจะคืนให้ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นให้เป็นพับ (อันดับ 95)
จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกานี้ (อันดับ 97, 98)
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ฉบับวันที่ 5 เมษายน 2565 พร้อมคำฟ้องฎีกาฉบับวันที่ 5 เมษายน 2565 นั้น เห็นว่า จำเลยเคยยื่นฎีกาฉบับวันที่ 22 มีนาคม 2564 ต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งที่ ครพ.สว.5772/2564 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยมาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาชอบที่จะยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและมีคำสั่งใหม่ และเมื่อจำเลยยื่นฎีกาโดยมิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกามาด้วย จึงมีคำสั่งยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกา และมีคำสั่งเป็นว่าไม่รับฎีกาของจำเลย ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งดังกล่าวให้คู่ความฟังแล้ว คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุด ส่วนที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกาฉบับวันที่ 5 เมษายน 2565 เป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกา ตามคำร้องก็อ้างเพียงเหตุว่าศาลฎีกาไม่รับฎีกาฉบับวันที่ 22 มีนาคม 2564 เนื่องจากไม่มีคำร้องขออนุญาตฎีกา จำเลยจึงยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกาฉบับวันที่ 5 เมษายน 2565 อันเป็นเหตุผลที่เกิดจากความบกพร่องของจำเลยเอง มิใช่เหตุที่จำเลยจะยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาได้อีก ให้ยกคำร้องขออนุญาตฎีกาและไม่รับฎีกาของจำเลยฉบับวันที่ 5 เมษายน 2565
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ครพ.สว.9/2565
แหล่งที่มา คำร้องขออนุญาตฎีกา








