สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2539

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 453, 456

แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อเวลาออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงและจำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์โดยจำเลยตกลงซื้อเวลาออกอากาศที่สถานีวิทยุกระจายเสียงดังกล่าวก็ตามแต่การตกลงเช่นนั้นไม่ใช่สัญญาซื้อขายทรัพย์เพราะไม่ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินคงเป็นเพียงสัญญาที่ตกลงให้บริการการออกอากาศกระจายเสียงในสถานีวิทยุกระจายเสียงตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันเท่านั้นกรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา456วรรคสองและวรรคสามแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การที่โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดมาแสดงไม่มีการวางประจำหรือไม่ได้ชำระหนี้บางส่วนไม่เป็นเหตุทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อเวลาออกอากาศโฆษณาทั้งหมดของสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดชุมพร จำเลยได้มาติดต่อซื้อเวลาออกอากาศจากโจทก์วันละ 2 ชั่วโมง ในอัตราชั่วโมงละ 16,000 บาทต่อเดือนติดต่อเรื่อยมาทุกเดือน ในที่สุดจำเลยต้องชำระค่าซื้อเวลาออกอากาศแก่โจทก์เป็นเงิน 64,000 บาทโจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าซื้อเวลาดังกล่าว และค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ซื้อเวลาออกอากาศโฆษณาทั้งหมดจากสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดชุมพรโจทก์และจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ ดอกเบี้ยที่โจทก์คิดมาไม่ถูกต้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีราคามากกว่า 500 บาท แต่โจทก์หาได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลยผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือมีการวางประจำไว้ หรือมีการชำระหนี้บางส่วนแล้วแต่อย่างใดไม่ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อเวลาและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า ตามคำฟ้องปรากฏชัดว่าเป็นสัญญาซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ในเวลาออกอากาศตามเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน แต่ละเดือน เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สินในเวลาที่จำเลยได้ใช้สิทธิในการออกอากาศกระจายเสียงในสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดชุมพรเมื่อราคาทรัพย์สินตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไป โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ มิได้วางประจำหรือมิได้ชำระหนี้บางส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสามโจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เห็นว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อเวลาออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดชุมพรและจำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์โดยจำเลยได้ตกลงซื้อเวลาออกอากาศที่สถานีวิทยุกระจายเสียงดังกล่าวก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าการตกลงดังกล่าวมิใช่สัญญาซื้อขายทรัพย์เพราะมิได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหากแต่เป็นสัญญาที่ตกลงให้บริการการออกอากาศกระจายเสียงในสถานีวิทยุกระจายเสียงตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันเท่านั้น กรณีจึงหาอยู่ในบังคับของมาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ แม้โจทก์จะมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิด มิได้มีการวางประจำ หรือชำระหนี้บางส่วน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท อรุณเรดิโอมิเดีย จำกัด จำเลย - นาย ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย

ชื่อองค์คณะ ยงยุทธ ธารีสาร ยรรยง ปานุราช นิวัตน์ แก้วเกิดเคน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE