ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 3 คนในฐานะกรรมการของวัดโจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาเงินและเก็บเงินรายได้ของวัด ได้ร่วมกันทุจริตยักยอกเงินของวัดรวมหลายรายการตามฟ้อง เบียดบังไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา352, 353, 83 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยได้ยักยอกทรัพย์โจทก์ไปเมื่อวันเดือนปีเวลาใด จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องได้บรรยายวันเวลาเกิดเหตุมาเพียงพอแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่เอกชนฟ้องความอาญาต่อศาลเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ไต่สวนมูลฟ้องต่อไปจำเลยยังหาเข้ามาสู่ฐานะเป็นจำเลย ที่จะมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ไม่ ให้ยกฎีกาจำเลย.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








