ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสองสำนวนนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกล้องถ่ายภาพยนตร์จำนวนหนึ่งเครื่องราคา 27,650 บาท และกล้องถ่ายภาพนิ่ง1 กล้องราคา 6,000 บาท จำเลยทั้งสองคดีเป็นบุคคลเดียวกัน เป็นเจ้าของโรงแรมฟ้าสาง โจทก์ในคดีหลังไปถ่ายภาพยนตร์และภาพนิ่งในการประชุมสัมนาพนักงานช่างไฟฟ้าของโจทก์ที่จังหวัดนครราชสีมาได้เข้าพักโรงแรมของจำเลยห้องหมายเลข 307 และได้นำเอากล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเข้าไปเก็บไว้ในห้องพักด้วย ต่อมาโจทก์ในคดีหลังได้ออกไปธุระนอกโรงแรม ได้มีคนร้ายเข้าไปในห้องหมายเลข 307 แล้วลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งไป โจทก์ได้แจ้งให้พนักงานโรงแรมของจำเลยทราบทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวแต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยทั้งสองคดีให้การว่าโจทก์ไม่ได้ฝากของมีค่าไว้กับโรงแรมของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ถึงแม้จะต้องรับผิดก็ไม่เกิน 500 บาท ฯลฯฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองคดีใช้ค่าสินไหมทดแทนให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ในคดีแรก 27,650 บาท และให้แก่นายผัน พินทะอมิตร 6,000 บาทฯ

จำเลยทั้งสองคดีอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองคดีฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายผัน พินทะอมิตร เป็นพนักงานของโจทก์คดีแรก และเป็นโจทก์ในคดีหลัง ได้นำกล้องถ่ายภาพยนต์ของโจทก์ในคดีแรกและกล้องถ่ายภาพนิ่งของตนเองไปเก็บรักษาไว้ในห้องพักโรงแรมจำเลยซึ่งนายผันเช่าพักอาศัย กล้องดังกล่าวหายไปจากห้องนั้นโดยไม่ใช่ความผิดของนายผันในขณะที่นายผันออกไปธุระข้างนอกฯ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งตามฟ้องเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์หรือภาพนิ่งเท่านั้นเอง หาเป็นของที่มีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาทรัพย์นี้จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็มิใช่เป็นของมีค่าตามความในกฎหมายตามที่จำเลยอ้างและคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์สำนวนแรกเสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th