ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 7,351,675,616.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 4,198,000,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 4,198,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยที่คำนวณดังกล่าวถึงวันฟ้อง (วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557) ต้องไม่เกินจำนวนตามคำขอในคำฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2561 ซึ่งเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.1/2556 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.20/2558 ของศาลแพ่ง อันเป็นคดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และการกระทำ อันเป็นมูลเหตุในการยื่นคำร้องนั้นเป็นการกระทำเดียวกันกับมูลเหตุในคดีนี้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ เดิมใช้ชื่อว่าบริษัทธนาคาร ม. จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่ปี 2513 ลาออกในปี 2541 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองกรรมการผู้จัดการ โจทก์มีคำสั่งที่ 10/2531 เรื่อง คู่มือการปฏิบัติงานสาขา และคำสั่งคณะกรรมการบริหาร ที่ 2/2534 เรื่อง การพิจารณาอนุมัติให้สินเชื่อ วันที่ 4 ตุลาคม 2532 ธนาคารแห่งประเทศไทยมีประกาศ เรื่อง การให้สินเชื่อในลักษณะที่เล็งเห็นได้ว่าจะเรียกคืนไม่ได้ และวันที่ 6 ตุลาคม 2535 ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งแจ้งเตือนเรื่องการให้สินเชื่อเพื่อการซื้อขายหุ้นเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ขณะจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ จำเลยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาให้สินเชื่อชุดบริหาร มีอำนาจพิจารณาอนุมัติสินเชื่อทุกประเภทที่ปรากฏในงบดุลและนอกงบดุลรวมวงเงินไม่เกินบุคคลละ 120 ล้านบาท โดยสินเชื่อที่ปรากฏในงบดุลต้องไม่เกินบุคคลละ 60 ล้านบาท รวมถึงการอนุมัติต่อสัญญาการให้สินเชื่อภายในวงเงินดังกล่าว สินเชื่อที่เกินวงเงินให้เสนอคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณา แบบพิมพ์ที่ขอใช้สินเชื่อ ประกอบด้วยคำขออนุมัติสินเชื่อและใบขวาง (ใบสั่งการให้สินเชื่อหรือใบเสนอสินเชื่อ) วันที่ 19 ตุลาคม 2538 ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2540 จำเลย นายอุทัย และนายมาโนช ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาให้สินเชื่อชุดบริหารร่วมกันลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์คำขออนุมัติสินเชื่อและใบขวางที่มีการทำเครื่องหมายในกรอบสี่เหลี่ยมหน้าข้อความ "อนุมัติ" ในการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้กลุ่มของนายสุเทพ รวม 8 บัญชี เป็นเงิน 5,195,000,000 บาท โดยคณะกรรมการพิจารณาให้สินเชื่อชุดบริหารอนุมัติเกินวงเงินที่กำหนดและให้ลูกค้าเบิกเงินใช้ก่อนที่คณะกรรมการบริหารอนุมัติ ซึ่งการอนุมัติครั้งหลังจากนั้น ลูกค้าดังกล่าวมีหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนมาก ไม่อาจชำระหนี้ครั้งก่อนได้ตามกำหนด ทั้งการกู้ก็เพื่อนำไปใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยลูกค้ามียอดหนี้ค้างชำระ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 เป็นเงิน 4,198,000,000 บาท อันเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการให้สินเชื่อในลักษณะที่เล็งเห็นได้ว่าจะเรียกคืนไม่ได้ และไม่เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการบริหารของโจทก์ที่ 2/2534 เรื่องการพิจารณาอนุมัติให้สินเชื่อ จากการกระทำดังกล่าว พนักงานอัยการฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีอาญาแต่จำเลยหลบหนี ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับจำเลยในวันที่ 25 ธ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร.1/2562
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








