คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2540
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 193/14 (1), 193/33, 193/34 (1)
โจทก์เป็นบริษัทจำกัดประกอบกิจการโรงงานผลิตอาหารสัตว์ทุกชนิดเพื่อจำหน่ายส่วนจำเลยมีอาชีพตั้งฟาร์มเลี้ยงกุ้งและเป็นลูกค้าโจทก์โดยซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งจากโจทก์เพื่อนำไปเลี้ยงกุ้งเมื่อจำเลยซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งไปเพื่อเลี้ยงกุ้งจำหน่ายหาได้ซื้อไปเพื่อเลี้ยงกุ้งไว้บริโภคเองกรณีจึงตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/34(1)ตอนท้ายที่ว่าเว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเองดังนั้นอายุความสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนด5ปีหาใช่2ปีไม่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ลงชื่อยอมรับยอดหนี้ตามบันทึกลงวันที่1ตุลาคม2533อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อนับระยะเวลาจากวันดังกล่าวถึงวันที่23เมษายน2536ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด5ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างเดือนกรกฎาคม 2533 ถึงเดือนกันยายน 2533 จำเลยทั้งสองได้ซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งไปจากโจทก์เพื่อนำไปเลี้ยงกุ้งของจำเลยทั้งสองที่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งชื่อ "วิทยาฟาร์ม" รวม 20 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 4,297,756 บาทจำเลยทั้งสองได้รับสินค้าไปครบถ้วนแล้ว ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม2533 จำเลยที่ 1 ทำบันทึกรับรองว่าเป็นหนี้โจทก์คิดถึงวันที่30 กันยายน 2533 เป็นเงินทั้งสิ้น 4,764,131.60 บาท เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ดังกล่าวเป็นเงิน 4,297,756 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า โจทก์ เป็น พ่อค้า ฟ้อง เรียก เอา ค่าสินค้าที่ ได้ ส่งมอบ จาก จำเลย ที่ 1 และ จำเลย ที่ 1 ยอมรับ ว่า เป็น หนี้โจทก์ ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2533 เป็นต้น มา นับ ถึง วันฟ้อง คือวันที่ 23 เมษายน 2536 เป็น ระยะเวลา เกิน 2 ปี ฟ้อง ของ โจทก์จึง ขาดอายุความ ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(1)ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า มาตรา 193/33บัญญัติว่า "สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความห้าปี(5) สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34(1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี" และมาตรา 193/34 บัญญัติว่า สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความสองปี (1) ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรม ผู้ประกอบหัตถกรรม เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบค่าการงานที่ได้ทำหรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่นรวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง" คำว่า "กิจการ" มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถานว่าการงานที่ประกอบ ซึ่งความหมายย่อมจะครอบคลุมถึงการใด ๆที่ได้ทำเพื่อเป็นการทำมาหาได้ ลักษณะเป็นการประกอบอาชีพ เมื่อจำเลยทั้งสองประกอบอาชีพตั้งฟาร์มเลี้ยงกุ้ง การซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(1) ตอนท้ายซึ่งมีสิทธิเรียกร้องมีกำหนดอายุความ5 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัดประกอบกิจการโรงงานผลิตอาหารสัตว์ทุกชนิดเพื่อจำหน่าย ส่วนจำเลยทั้งสองมีอาชีพเลี้ยงกุ้งตั้งฟาร์มชื่อ"วิทยาฟาร์ม" และเป็นลูกค้าโจทก์ โดยซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งจากโจทก์เพื่อนำไปเลี้ยงกุ้ง เมื่อจำเลยทั้งสองซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งไปเพื่อเลี้ยงกุ้งจำหน่ายหาได้ซื้อไปเพื่อเลี้ยงกุ้งไว้บริโภคเอง กรณีจึงตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 ตอนท้ายที่ว่าเว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง ดังนั้นอายุความสิทธิเรียกร้องของโจทก์ จึงมีกำหนด 5 ปี หาใช่ 2 ปี ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไม่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อยอมรับยอดหนี้ตามบันทึกเอกสารหมาย จ.6 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2533อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อนับระยะเวลาจากวันดังกล่าวถึงวันที่ 23 เมษายน 2536 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 5 ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น เมื่อฟังได้ดังวินิจฉัยมาแล้วว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ ปัญหาว่า จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระราคาอาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งแก่โจทก์เพียงใด ปัญหานี้เนื่องจากโจทก์ได้นำสืบข้อเท็จจริงมาเสร็จสิ้นเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่โจทก์นำสืบฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้สั่งซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์การเลี้ยงกุ้งจากโจทก์ไปรวม 20 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น4,297,756 บาท จำเลยทั้งสองได้รับสินค้าไปครบถ้วนแล้ว เมื่อถึงกำหนดชำระราคา จำเลยทั้งสองไม่ชำระ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระราคาเป็นเงิน 4,297,756 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปตามที่โจทก์ขอ
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 4,297,756 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เอส ที ซี ฟิด จำกัด จำเลย - นาย สมศักดิ์ ธำรงธวัชชัย กับพวก
ชื่อองค์คณะ อากาศ บำรุงชีพ ชัยนาท พันตาวงศ์ ไพฑูรย์ แสงจันทร์เทศ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan