ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2ได้ขับรถโดยสารของจำเลยที่ 2 ซึ่งประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 4ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ที่มีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 ช - 6711กรุงเทพมหานคร ของบริษัทเสริมสุข จำกัด ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ขณะที่นายศักดิ์ชัย ปลั่งสมบัติ ขับรถยนต์คันดังกล่าวออกจากซอยสายลมเข้าถนนพหลโยธิน เพื่อไปสี่แยกสะพานควายมาจอดอยู่ตรงช่องเจาะเปิดเกาะกลางถนนและรถยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นรับประกันภัยได้ซ่อมรถยนต์ดังกล่าวเสียเงินค่าซ่อม43,782 บาท และชำระเงินเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2534 จึงเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน 46,974.43 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 43,782 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์ที่ศาลชั้นต้นรับมาแต่เพียงว่า โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยชอบที่จะรับช่วงสิทธิจากบริษัทเสริมสุข จำกัด ผู้เอาประกันภัยมาฟ้องให้จำเลยทั้งสี่รับผิดได้หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า นายศักดิ์ชัย ปลั่งสมบัติ ผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 ช - 6711 กรุงเทพมหานครของบริษัทเสริมสุข จำกัด ที่โจทก์รับประกันภัยไว้จอดรถยนต์ในที่เกิดเหตุ ให้ท้ายรถยนต์อยู่ในช่องเดินรถจากสะพานควายไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งตามสภาพของที่เกิดเหตุนายศักดิ์ชัยสามารถจอดรถยนต์มิให้ขวางทางจราจรเช่นนั้นได้ถือว่านายศักดิ์ชัยจอดรถยนต์กีดขวางการจราจร นับว่ามีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจำเลยที่ 1 จากข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของบริษัทเสริมสุข จำกัด ผู้เอาประกันภัยมาฟ้องไล่เบี้ยเอากับจำเลยทั้งสี่ที่เป็นบุคคลภายนอกให้รับผิดโดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า "ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น" ฉะนั้น ตามบทบัญญัติดังกล่าวผู้รับประกันภัยจะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัย ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ก็เฉพาะแต่ในกรณีที่ความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอก ย่อมแสดงว่าบุคคลภายนอกจะต้องมีความรับผิดตามกฎหมายซึ่งเป็นผู้ก่อให้เกิดวินาศภัยนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าวินาศภัยที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความผิดของจำเลยที่ 1 และนายศักดิ์ชัย ที่ประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันจึงไม่มีความรับผิดของจำเลยที่ 1 ที่จะกำหนดค่าเสียหายให้แก่นายศักดิ์ชัยผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ช - 6711 กรุงเทพมหานครของบริษัทเสริมสุข จำกัด ได้ เช่นนี้ จำเลยที่ 1 จึงหาได้มีความรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่นายศักดิ์ชัย ไม่ อีกทั้งบริษัทเสริมสุข จำกัด ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยและนายจ้างของนายศักดิ์ชัย ก็ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดด้วยเช่นกัน ดังนั้น โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน4ช - 6711 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายศักดิ์ชัยขับขี่และบริษัทเสริมสุข จำกัด เป็นผู้เอาประกันภัยจึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยจากจำเลยทั้งสี่ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th