ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวกักขังนางสาวนิตยาไว้ในบ้านพัก ทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แล้วจำเลยข่มขืนกระทำชำเรานางสาวนิตยาโดยใช้กำลังกายประทุษร้ายกอดปล้ำกดให้อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 310, 91

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมเรียงกระทงลงโทษ ฐานข่มขืนกระทำชำเราลงโทษจำคุก 4 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังลงโทษจำคุก6 เดือน รวมโทษจำคุก 4 ปี 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่โทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่ามิได้กระทำผิดตามฟ้อง และโจทก์มิได้นำนายแพทย์ผู้ตรวจผู้เสียหายมาเบิกความ จึงรับฟังใบตรวจบาดแผลของผู้เสียหายไม่ได้นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดสองกรรม เรียงกระทงลงโทษ ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียงว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 4 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้เสียหายติดตามจำเลยไปยังสถานที่หลายแห่งเพราะถูกจำเลยให้อุบายหลอกลวงว่าจะคืนเงินที่ยืมไปให้ ในที่สุดเมื่อถึงบ้านเกิดเหตุก็ถูกจำเลยขู่บังคับไม่ให้กลับและใช้กำลังกายทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้มือบีบปากและอุดปากผู้เสียหาย แล้วกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่สองครั้ง หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ถูกจำเลย ขู่บังคับและกอดรัดให้อยู่กับจำเลยตลอดทั้งคืน หากกลับจะทำร้าย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายจึงใช้อุบายหลอกจำเลยขอออกจากบ้านที่เกิดเหตุไปหาซื้ออาหารและหนีกลับบ้านได้ เห็นว่า การที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นความผิดเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ผู้เสียหายจะกลับบ้านจำเลยไม่ยอมให้กลับ และใช้กำลังกายกอดรัดและขู่ว่าจะทำร้ายหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ตลอดคืน ตอนเช้าจึงยอมให้ออกไปหาซื้ออาหารรับประทาน จึงเป็นการกระทำความผิดต่างหากแยกจากความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราได้อีกกระทงหนึ่ง ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1518/2522 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบูรณ์ โจทก์ นายกลิ้ง รอยสนั่น จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 อีกกระทงหนึ่ง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th