ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน2509 มีบุตรด้วยกัน 2 คน คงมีชีวิตอยู่ 1 คน คือ เด็กหญิงอัปสร เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2517 จำเลยจงใจละทิ้งโจทก์ไปเช่าบ้านอยู่ต่างหาก ไม่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาจนบัดนี้เกินกว่าหนึ่งปีแล้ว นอกจากนี้จำเลยยังกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันกับโจทก์อย่างร้ายแรง โดยจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาเบิกความเท็จ นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และในข้อหาฐานปลอมแปลงเอกสารใช้เอกสารปลอมโดยจำเลยมีเจตนาทำลายชื่อเสียงโจทก์ เป็นการประพฤติชั่วอีกโสดหนึ่ง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1822/2519 ของศาลแพ่ง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) จำเลยมิได้จงใจละทิ้งโจทก์เหตุที่ออกจากบ้านไปเพราะโจทก์ทารุณทุบตีทำร้ายร่างกายจำเลยอยู่เป็นนิจ และขับไล่จำเลยให้ออกจากบ้านอยู่บ่อย ๆ ด้วย ที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาก็เพราะเห็นว่าโจทก์กระทำความผิดทางอาญา หากโจทก์ได้รับความเสียหายก็เป็นเพราะการกระทำของโจทก์เอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้อน จำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์ไปเกินหนึ่งปีจริง พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์หากไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1822/2519 ของศาลแพ่งซึ่งขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1822/2519 โจทก์ฟ้องขอหย่าโดยอาศัยความยินยอมหย่าที่โจทก์จำเลยทำเป็นหนังสือกันไว้เป็นข้ออ้าง ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่าหนึ่งปี และจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง สภาพแห่งข้อหาตลอดจนประเด็นในคดีทั้งสองต่างกันฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) และที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยสมควรเป็นผู้ปกครองบุตร ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ โดยอ้างว่าเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามเนื่องจากไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบเพราะปัญหาดังกล่าวเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น เห็นว่าปัญหาที่ว่าบิดาหรือมารดาควรเป็นผู้ปกครองบุตร มิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ฎีกามิได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th