โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณา นายเจริญ พัฒน์ดำรงจิตร ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า '…พิเคราะห์ตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการไปเบิกเงินของโจทก์ร่วมที่ธนาคารเพื่อนำมาให้จำเลยกู้ยืมนั้นได้เบิกเงินภายในวันเดียวโดยเบิกภายในเดือนสิงหาคม ซึ่งโจทก์ร่วมอ้างว่าได้มีการกู้ยืมกันในเดือนดังกล่าว แต่ปรากฏจากเช็คเอกสารหมาย ป.จ.1 ถึง ป.จ.4 ที่โจทก์ร่วมเบิกความว่าไปเบิกเงินจากธนาคารเพื่อมาให้จำเลยกู้ยืมนั้นเป็นการเบิกเงินหลายคราวต่างวันกัน เฉพาะเช็คฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2524 นั้นเห็นได้ว่า เบิกก่อนเดือนสิงหาคม นอกจากนี้เช็คของจำเลยที่ออกเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยฉบับลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2524 ก็เป็นเช็คที่เกิดก่อนมีการกู้ยืม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการชำระดอกเบี้ยกันก่อน ที่โจทก์นำสืบว่าได้มีการกู้ยืมในเดือนสิงหาคม และไปเบิกเงินจากธนาคารในวันเดียวเพื่อนำมาให้จำเลย จึงไม่อาจรับฟังเป็นความจริงได้ การที่จำเลยได้ออกเช็คฉบับลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2524 ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ดังกล่าวนั้นกลับรับฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่าได้เล่นการพนันในเดือนมิถุนายน และได้ออกเช็คเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนต่อมา ชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 บาทต่อเดือนเป็นเงินจำนวน 55,000 บาท เมื่อคดีฟังได้ว่าเช็คพิพาทได้ออกให้เพื่อชำระหนี้การพนัน มูลหนี้ตามเช็คย่อมไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 855 โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธินำคดีไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น'

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา