ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 จำคุกคนละ 1 เดือน ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายและจำเลยที่ 2 ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2531 เวลาประมาณ 3 นาฬิกาจำเลยที่ 2 ได้คลอดบุตรคือเด็กหญิงนพมาศที่ห้องพักของโรมแรมศรีลำโพงซึ่งจำเลยทั้งสองเช่าพักอยู่ และหลังจากนั้นด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลยที่ 2 ที่สำคัญผิดคิดว่าเด็กหญิงนพมาศบุตรของตนได้ถึงแก่ความตายแล้วจึงโยนเด็กหญิงนพมาศลงมาจากหน้าต่างห้องน้ำชั้นสองของโรงแรม ดังกล่าวเป็นเหตุให้เด็กหญิงนพมาศได้รับอันตรายแก่กาย มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ร่วมลงมือกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 1อยู่ร่วมห้องเดียวกับจำเลยที่ 2 ตามลำพังในขณะเกิดเหตุ การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยทั้งสองโดยเฉพาะ ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำเลยที่ 2 คลอดบุตรเพราะเดินสะดุดของประตูห้องน้ำล้มลงโดยในขณะนั้นจำเลยที่ 1นอนหลับอยู่นั้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีรอยถลอกหรือฟกซ้ำตามร่างกายแต่อย่างใด ทั้งตากปกติการคลดดบุตรก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งและจำเลยที่ 2 ย่อมต้องมีความเจ็บปวดเป็นธรรมดาซึ่งจะต้องเรียกให้จำเลยที่ 1 ช่วยเหลือตนประการหนึ่งประการใด ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นในการคลอดบุตรของจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นการคลอดก่อนกำหนดประมาณ 2 เดือนเศษก็หาใช่ว่าเด็กทารกจะไม่มีชีวิตรอดอยู่เสมอไปไม่ จำเลยที่ 1 ในฐานะบิดาย่อมมีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ดูแลบุตรด้วยการใช้ความระมัดระวังตรวจดูให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่าบุตรที่เกิดมายังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่มิใช่ปล่อยให้จำเลยที่ 2 โยนบุตรทิ้งไปโดยมิได้ห้ามปราม ทั้ง ๆที่จำเลยที่ 1 สามารถใช้ความระมัดระวังในกรณีเช่นนี้ได้ จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390…"

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 กำหนดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th