สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21745/2556

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21745/2556

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 289, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 8 ทวิ วรรคสอง

ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง บัญญัติห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปในชุมนุมชน ซึ่งคำว่า "ชุมนุมชน" หมายความถึง หมู่ชนที่มารวมกันมาก ๆ โดยเป็นการรวมบุคคลหลาย ๆ คนโดยทั่วไป มิใช่บุคคลเฉพาะบางหมู่บางพวก แสดงให้เห็นว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงโดยสภาพเข้าไปในบริเวณที่มีหมู่ชนมารวมกันมาก ๆ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถืออาวุธปืนพกยืนอยู่บริเวณข้างกำแพงด้านนอกแม้ไม่ได้เข้าไปที่ศาลหลักเมืองบริเวณที่จัดงานแสดงหมอลำและชกมวยก็ตาม แต่บริเวณที่จำเลยยืนถืออาวุธปืนดังกล่าวมีรถยนต์ของผู้มาเที่ยวงานจอดอยู่ห่างจากปากทางเข้าออกงานประมาณ ๒๐ เมตร แสดงว่าบริเวณที่จำเลยยืนถืออาวุธปืนนั้นอยู่ในที่ซึ่งหมู่ชนมารวมกันมาก ๆ มาจอดรถเพื่อเข้าร่วมงาน ถือว่าการกระทำของจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 138, 140, 289, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน และปรับ 3,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 3,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 4 เดือนและปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 8 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้อุทธรณ์ในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพหรือการอื่นใดและโดยไม่มีเหตุสมควร ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 4 เดือน จำเลยมีอาวุธปืนพกและพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อการรื่นเริง และการมหรสพ ทั้งยังถือแสดงอาวุธปืนด้วย แสดงถึงความไม่เคารพยำเกรงในกฎหมายบ้านเมือง เป็นภัยต่อความสงบสุขของสังคมและสุจริตชน พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวแล้ว จึงให้จำคุกจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโดยไม่รอการลงโทษเสียด้วยเพราะจะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมที่กระทงหนึ่งลงโทษจำคุกแต่อีกกระทงหนึ่งรอการลงโทษ รวมโทษทั้งสองฐานเป็นจำคุก 8 เดือน ไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีการจัดงานประเพณีบุญเดือนสามที่ศาลหลักเมืองบ้านอาจสามารถซึ่งมีการแสดงหมอลำและชกมวยโดยมีกำแพงกั้นมีทางเข้าออกได้ทางเดียว และมีการตรวจอาวุธของผู้ที่จะเข้าร่วมงาน ร้อยตำรวจโทณรงค์ ผู้เสียหายที่ 1 ดาบตำรวจพงษ์ทิพย์ ผู้เสียหายที่ 2 ดาบตำรวจคะนอง ผู้เสียหายที่ 3 และดาบตำรวจวีระศักดิ์ ผู้เสียหายที่ 4 กับพวกได้รับคำสั่งให้ไปรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณงาน จำเลยกับพวกหลายคนไปเที่ยวงานดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันซึ่งจำเลยอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวด้วย เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณงานเข้าระงับเหตุกลุ่มวัยรุ่นรวมทั้งจำเลยแยกย้ายกันไป ต่อมาผู้เสียหายทั้งสี่พบจำเลยถืออาวุธปืนพกยืนอยู่บริเวณข้างกำแพงด้านนอกศาลหลักเมือง โดยจำเลยถืออาวุธปืนส่ายไปมาโดยไม่ได้เล็งไปทางผู้เสียหายทั้งสี่ แล้วจำเลยขึ้นรถจักรยานยนต์แล่นออกไป สำหรับข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่ได้ฎีกาอีกต่อไปข้อหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าว จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดังกล่าวหรือไม่จึงไม่เคยเข้าสู่การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ดังนี้ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนายึดถือและครอบครองอาวุธปืน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต นั้น ถือว่ามิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า จำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพหรือการอื่นใดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยถืออาวุธปืนบริเวณภายนอกรั้วกำแพงที่จัดงาน ไม่ใช่ภายในบริเวณงาน จุดเกิดเหตุไม่ได้เกิดขึ้นภายในบริเวณที่จัดงานรื่นเริง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานดังกล่าวนั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าจำเลยถืออาวุธปืนพกยืนอยู่บริเวณข้างกำแพงด้านนอกศาลหลักเมืองโดยไม่ได้อยู่ภายในบริเวณที่จัดงานแสดงหมอลำและชกมวยดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง บัญญัติว่า "ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด" และคำว่า "ชุมนุมชน" หมายความถึง หมู่ชนที่มารวมกันมากๆ โดยเป็นการรวมบุคคลหลายๆ คนโดยทั่วไป มิใช่บุคคลเฉพาะบางหมู่บางพวก ซึ่งได้ความจากผู้เสียหายที่ 1 ว่า บริเวณข้างกำแพงที่จำเลยยืนถืออาวุธปืนดังกล่าวมีรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋งของผู้มาเที่ยวงานประเพณีบุญเดือนสามจอดอยู่ห่างจากปากทางเข้าออกงานประมาณ 20 เมตร เท่านั้น ตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ แสดงว่าที่เกิดเหตุอยู่ในที่ซึ่งหมู่ชนมารวมกันมากๆ มาจอดรถเพื่อเข้าร่วมงานที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด และเนื่องจากกฎหมายมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงโดยสภาพเข้ามาในบริเวณที่มีหมู่ชนมารวมกันมาก ๆ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นได้ ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.1087/2556

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด จำเลย - นายเกรียงกมล ผิวพรรณงาม

ชื่อองค์คณะ อนันต์ วงษ์ประภารัตน์ วิจิตร วิสุชาติ วีระชาติ เอี่ยมประไพ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด - นางสาวมาลัย ธรรมโชตัง ศาลอุทธรณ์ภาค 5 - นางวิไลวรรณ ชิดเชื้อ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th