ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม 2526 เวลากลางวันถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2526 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงนางสาวศศิธร บุญสุขผู้เสียหาย (โจทก์ร่วม) ว่าจำเลยกับพวกสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายให้เข้าทำงานเป็นพนักงานของการรถไฟ ฯ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินได้โดยไม่ต้องสอบเข้า เพราะพวกของจำเลยมีสามีเป็นนายสถานีรถไฟหัวลำโพง สามีของพวกจำเลยจะเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้เสียหายเข้าทำงานได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงจ่ายเงินจำนวน 20,000 บาทให้จำเลยกับพวกไปความจริงจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาจะดำเนินการให้ผู้เสียหายเข้าทำงานการรถไฟ ฯ ก็มิได้เปิดรับสมัครพนักงานเจ้าหน้าที่การเงินในระหว่างเกิดเหตุ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83และคืนเงินแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือนและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินแก่โจทก์ร่วม

จำเลยทั้งสองฎีกา

ระหว่างฎีกาโจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์เฉพาะจำเลยที่ 2ศาลฎีกาเห็นว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2

ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ว่าปัญหาว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับเงินจากโจทก์ร่วมโดยบอกว่าจะนำไปเป็นค่าติดต่อกับผู้ใหญ่ให้เข้าทำงานและเป็นค่าใช้จ่ายข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมให้เงินไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานอันเป็นการใช้ให้กระทำผิดกฎหมาย โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลย

ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจยกปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัย เพราะคดีนี้ศาลแขวงนครสวรรค์พิพากษายกฟ้อง การอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องมีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499 มาตรา 22 ทวิ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย จึงไม่ต้องดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว และเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะพิจารณาว่าเป็นการจำเป็นหรือไม่ที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่จำเป็นและสมควรวินิจฉัยเสียเองก็ย่อมกระทำได้โดยชอบ

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th