ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 267 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 4, 8, 50

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 50 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน และฐานกระทำการเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้าน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำการเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 7 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกกระทงละ 6 เดือน ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 21 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนมีกำหนด 21 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด 7 กรรมหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำในลักษณะและประเภทเดียวกัน กระทำต่างกันเพียง 3 วันการกระทำของจำเลยจึงเป็น 3 กรรมนั้น ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2550 จำเลยแจ้งย้ายชื่อนายพิชิตเข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 72 และแจ้งย้ายชื่อนายนิรภัยเข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 151 วันที่ 19 มกราคม 2550 จำเลยแจ้งย้ายชื่อนายเมธาเข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 99 และวันที่ 25 มกราคม 2550 จำเลยแจ้งย้ายชื่อนายกาญจน์พิสิฐเข้าไปในทะเบียนบ้าน บ้านเลขที่ 172 แจ้งย้ายชื่อนายกิตติคุณเข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 157 แจ้งย้ายชื่อนายสรายุทธเข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 189 และแจ้งย้ายชื่อนางมะลิและนายสุรศักดิ์เข้าไปในทะเบียนบ้านบ้านเลขที่ 146 อันเป็นความเท็จ เห็นว่า แม้จำเลยจะกระทำความผิดในลักษณะดียวกันโดยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จย้ายชื่อบุคคลทั้งแปดเข้าไปมีชื่อในทะเบียนบ้านของผู้อื่น และแจ้งย้ายชื่อนายพิชิตและนายนิรภัยวันเดียวกัน แจ้งย้ายชื่อนายกาญจน์พิสิฐ นายกิตติคุณ นายสรายุทธ และนางมะลิกับนายสุรศักดิ์วันเดียวกัน กับแจ้งย้ายชื่อนายเมธา อีกวันก็ตาม แต่จำเลยก็แจ้งย้ายชื่อบุคคลต่างรายกันและเข้าไปในทะเบียนบ้านคนละฉบับกัน จำเลยจึงมีเจตนากระทำความผิดแยกต่างหากจากกันตามจำนวนครั้งที่จำเลยแจ้งย้ายบุคคลเข้าไปมีชื่อในทะเบียนบ้านของผู้อื่นแต่ละฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด 7 กรรม มิใช่ 3 กรรมดังที่จำเลยฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.624/2555

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th