ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของนายชด อ่อนวงษ์เมื่อระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2519 ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2519 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นปลัดอำเภอประจำเขตพญาไทได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจัดการให้จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของนางชดในใบมอบอำนาจตามแบบของกรมที่ดินให้จำเลยที่ 3มีอำนาจจดทะเบียนทำนิติกรรมโอนขายที่ดินของนางชดรวม 17 โฉนด จำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ร่วมกันพิมพ์หัวแม่มือของนางชดลงในใบมอบอำนาจดังกล่าวรวมหลายฉบับ แล้วร่วมกันลงข้อความในหนังสือมอบอำนาจและให้จำเลยที่ 5 ที่ 6 ลงชื่อเป็นพยานรับรองในหนังสือมอบอำนาจนั้น แล้วจำเลยที่ 1ได้ลงชื่อและประทับตราเขตพญาไทรับรองโดยทุจริตว่า ใบมอบอำนาจดังกล่าวได้กระทำต่อหน้าตนและนางชดผู้มีสติสมบูรณ์ซึ่งเป็นความเท็จ ต่อมาจำเลยที่ 3ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้นำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร แขวงพญาไท ขอโอนขายที่ดินของนางชดให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 4 รวม 3 คราว คือ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1 มีนาคมและ 2 มีนาคม 2519 รวม 17 โฉนด เป็นเงิน 12,150,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วไม่มีการชำระเงินกันเลย เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงจดทะเบียนโอนให้หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งหกได้ทำนิติกรรมขายที่ดินของนางชดดังกล่าวซึ่งมอบให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 รักษาไว้ แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของจำเลยทั้งหก หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งหกได้หลอกลวงนางชดให้พิมพ์นิ้วมือลงในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวโดยอาศัยความเจ็บป่วยและความชราอันเป็นการอ่อนแอแห่งจิตของนางชด (ขณะนั้นอายุ 83 ปี) ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2519นางชดถึงแก่กรรม ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,160, 162(1)(2), 341, 342(2), 346, 352, 353, 83 และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์

วันนัดไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงให้งดไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ความว่าตามวันเวลาแห่งความผิดที่โจทก์กล่าวหาจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันกระทำผิดต่อนางชดผู้ตาย ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่นางชดผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นนางชดจึงถึงแก่กรรม และต่อมาโจทก์ได้เป็นผู้จัดการมรดกของนางชดผู้ตายตามคำสั่งของศาลแพ่ง ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การฟ้องคดีอาญานั้นต้องเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แต่คดีนี้จำเลยกระทำผิดขณะที่นางชดยังมีชีวิตอยู่ นางชดจึงเป็นผู้เสียหาย เมื่อนางชดตาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 4, 5, 6 ไม่ได้ให้อำนาจโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้เสียหายฟ้องคดีแทน แม้โจทก์จะเป็นทายาทโดยธรรมและเป็นผู้จัดการมรดกด้วยก็ตาม แต่สิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ตกทอดมายังโจทก์ หากพิจารณาได้ความว่าทรัพย์มรดกของนางชดตกได้แก่โจทก์ก็ดีแต่ที่ดินที่เป็นมรดกนั้นเพิ่งตกมาเป็นของโจทก์ภายหลัง วันที่จำเลยกระทำผิดโจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th