ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นทายาทของนางเจริญเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดกของนางเจริญโจทก์ที่ 5 ได้รับที่ดินมรดกในทางศาสนาเนื้อที่ 1 ไร่จำเลยที่ 1 ได้กระทำโดยไม่สุจริตโดยแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานว่านางเจริญไม่มีทายาทจะรับมรดกนอกจากตนเจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นมรดกของนางเจริญให้จำเลยที่ 1 และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนยกให้โดยเสน่หาซึ่งที่ดินนั้นให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วต่อมามีการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินออกเป็น 3 แปลงและจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 4 จดทะเบียนขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดกรายนี้และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้รับมรดกที่ดินทั้งหมดให้จำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำนวนเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวาให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 5 จำนวนเนื้อที่ 1 ไร่ในฐานะโจทก์ที่5 ครอบครองปรปักษ์หากจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน

จำเลยทั้งสี่ให้การว่านางปุ้ยได้โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 5 ให้นางเจริญและโจทก์ที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์ร่วมส่วนบุตรคนอื่นได้รับเงินจากนางเจริญและโจทก์ที่ 3 เป็นที่พอใจจึงไม่มีชื่อร่วมอยู่ในโฉนดนางเจริญและโจทก์ที่ 3 ได้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ร่วมกันนางเจริญได้ที่ดินโฉนดเดิมเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวานางปุ้ยมิได้ยกที่ดินให้นางเจริญโดยเสน่หา เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 14ตารางวาและมิได้ยกที่ดินให้โจทก์ที่ 5 เพื่อเป็นสุสานฝังศพจำนวนเนื้อที่ 1 ไร่จำเลยที่ 2 และที่ 4 ไม่ได้สมคบกระทำการไม่สุจริตจำเลยที่ 4 รับซื้อฝากโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเป็นเงินประมาณ 100,000 บาทจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานเพื่อปิดบังทรัพย์มรดกเป็นของตนเอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12684/2521 ของศาลชั้นต้นซึ่งศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ 1 ปีทั้งฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์

คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ที่ 2 ถึงแก่ความตายโจทก์ที่ 3 ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 2 ผู้มรณะศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้งห้าฎีกา

ศาลวินิจฉัยว่าในปัญหาที่ว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 12684/2521 ของศาลชั้นต้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 หรือไม่นั้นเห็นว่าในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12684/2521 โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยทั้งสี่โดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากับนางเจริญเจ้ามรดกก่อนที่นางเจริญจะถึงแก่ความตายจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ทายาทของนางเจริญและจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจจดทะเบียนยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทั้งจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิจดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 4 ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีถึงที่สุดว่านางเจริญและจำเลยที่ 1 ยังเป็นสามีภรรยากันจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้สืบสันดานของนางเจริญจึงไม่มีสิทธิรับมรดกของนางเจริญ แต่ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนำคดีมาฟ้องพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่นางเจริญถึงแก่ความตายแต่คดีนี้โจทก์ที่ 1ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยทั้งสี่โดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้รับมรดกของนางเจริญเนื่องจากจำเลยที่ 1 แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่านางเจริญไม่มีทายาทอื่นการกระทำของจำเลยที่ 1 มุ่งประสงค์โดยตรงจะปิดบังซ่อนเร้นเพื่อมิให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ได้รับมรดกของนางเจริญอันเป็นการปิดบังมรดกเกินกว่าส่วนของจำเลยที่ 1 จะได้รับจำเลยที่ 1จึงไม่มีสิทธิโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทให้จำเลยที่4 โดยจำเลยที่ 4 รู้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ที่ดินพิพาทมาโดยไม่สุจริตจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทคดีโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้ได้มรดกของนางเจริญจึงไม่ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12684/2521ที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 มิใช่สามีของนางเจริญเจ้ามรดก โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องคดีนี้ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148

ส่วนปัญหาฟ้องของโจทก์ที่ 5 ขาดอายุความหรือไม่นั้นเห็นว่าหากคดีนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้รับมรดกแล้วจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิรับมรดกของนางเจริญและไม่อาจที่จะถือประโยชน์ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 มายันโจทก์ที่ 5 ได้ไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ที่ 5 ขาดอายุความแล้วสมควรที่จะฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อนจึงจะวินิจฉัย

แต่โดยเหตุที่ศาลล่างยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีกหลายข้อ จึงเห็นควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th