ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน เป็นเงิน43,800 บาท แต่จำเลยจ่ายให้โจทก์เพียงเก้าสิบวัน ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 21,900 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นรายปีมีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน สัญญาฉบับสุดท้ายจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2530 แล้วจำเลยมิได้จ้างโจทก์อีก เพื่อมนุษยธรรมจำเลยได้มอบเงินค่าชดเชยให้โจทก์สามเดือน ทั้งที่ไม่มีสิทธิได้รับ ต่อมาโจทก์กับนายกวีกลับตกลงกันให้โจทก์ได้รับค่าชดเชยหกเดือน เป็นการฝ่าฝืนผิดแผกแตกต่างไปจากกฎหมายคุ้มครองแรงงานย่อมไม่มีผลใช้บังคับเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยที่ขาด 21,900 บาทแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานกลาง

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เลย (ซึ่งศาลฎีกาก็ยังมิได้ฟังดังนั้น)ก็ตามแต่จำเลยโดยนายกวี ผู้รักษาการแทนอธิการวิทยาลัยจำเลยได้ตกลงจะจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ กรณีจึงต้องบังคับไปตามหนังสือสัญญานั้น จำเลยจะบอกปัดไม่ยอมปฏิบัติตามหนังสือสัญญาที่ตนทำขึ้นหาได้ไม่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 เป็นเพียงข้อกำหนดบังคับให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างในกรณีเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิดและจ่ายไม่น้อยกว่าอัตราตามที่กำหนดไว้ แต่ถ้านายจ้างตกลงจ่ายให้มากกว่าการตกลงเช่นว่านั้นก็หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตกเป็นโมฆะไม่ เพราะประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ดังกล่าวไม่ได้ห้ามไว้ การตกลงดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันนายจ้าง และการที่นายจ้างตกลงจะจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างทั้งที่ไม่มีหน้าที่ต้องจ่าย ข้อตกลงนั้นย่อมผูกพันนายจ้างเช่นกัน ประกาศกระทรวงมหาดไทยฯมิได้ห้ามไว้ประการใด เทียบเคียงได้แก่กรณีที่ลูกจ้างลาออกโดยสมัครใจซึ่งนายจ้างไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยเลย แต่นายจ้างประกาศสัญญาจะจ่ายค่าชดเชยให้ นายจ้างก็ต้องจ่ายตามสัญญานั้น ดังแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 2629/2527 นางสาววรรณาบำรุงไทย โจทก์ บริษัทสปินนี่เอ.เอฟ.ไอ. (ไทย) จำกัด จำเลย

ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การที่นายกวี ทำหนังสือยินยอมเป็นการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของจำเลยโดยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมวิทยาลัยฯ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ จึงเป็นอุทธรณ์นอกคำให้การนอกประเด็น ไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th