ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 343และให้จำเลยคืนเงิน 54,100 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสอง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนเงินให้แก่นายทองใบ จันทรเสนา21,100 บาท และให้แก่นายบุดที แสนวันดี 25,100 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พยานโจทก์ทั้งสี่ปากรู้จักจำเลยมาก่อนจำเลยและนายสุรินทร์ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นสามีได้ไปชักชวนให้นายทองใบและนายบุดทีไปทำงานต่างประเทศ นายประเสริฐกับนายสมศรีตกลงให้บุตรชายไปทำงานต่างประเทศตามคำชักชวนของจำเลย จึงได้นำเงินคนละ 25,100 บาท ไปวางให้นายสุรินทร์และจำเลยที่บ้านจำเลยเอง ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.1, จ.2, จ.3, จ.4 จำเลยซึ่งแสดงออกโดยเปิดเผยว่า นายสุรินทร์เป็นสามี และจำเลยได้ร่วมกับนายสุรินทร์เป็นตัวแทนบริษัท พี.ซี.เอส. หาคนไปทำงานต่างประเทศเมื่อนายทองใบกับนายบุดทีเตรียมตัวเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศตามที่จำเลยชักชวนไว้ ปรากฏว่าครั้งแรกนายสุรินทร์อ้างว่าตั๋วเครื่องบินหมด ไปกลับไปรอที่บ้าน ครั้งที่สองคนที่นำไปรออยู่ที่อำเภอหาดใหญ่เพื่อไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์อ้างว่ารอใบรับรองการทำงาน แต่ก็ไม่ได้ใบรับรองการทำงาน นายทองใบกับนายบุดทีต้องเดินทางกลับบ้าน เมื่อพยานโจทก์ทั้งสี่ไปทวงเงินคืนจำเลยก็ขอผัดไปเรื่อย ๆ จนเมื่อนายทองใบจะบวชเป็นพระภิกษุ ภรรยานายน้อมจึงได้คืนเงินให้ 4,000 บาท ส่วนที่เหลือไม่ได้คืนเชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ พยานจำเลยที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้พูดชักชวนผู้เสียหายให้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ไม่มีน้ำหนักพอหักล้างพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับนายสุรินทร์ร่วมกันพูดชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ต่างประเทศ แล้วเรียกเก็บเงินจากผู้เสียหายและไม่ส่งผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ต่างประเทศตามที่พูดชักชวนโดยอ้างว่าตั๋วเครื่องบินหมดและรอใบรับรองการทำงาน พฤติการณ์ของจำเลยกับพวกแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสองมาแต่ต้น และได้ความจากนายทองใบพยานโจทก์ว่า เมื่อจำเลยพาไปฝึกงานที่วัดป่ากิ่งอำเภอไชยวานก่อนนัดส่งไปทำงานนั้น นายทองใบพบคนที่กิ่งอำเภอไชยวานไปฝึกงานด้วย ตอนที่นายน้อมพอไปกรุงเทพมหานครเพื่อเตรียมไปประเทศสิงคโปร์ มีคนในหมู่บ้านเดียวกับพยานคนหนึ่งและคนต่างอำเภออีกหลายคนไปด้วยกัน กับได้ความจากนายประเสริฐพยานโจทก์ว่า จำเลยเคยไปหาคนงานที่หมู่บ้านพยานบ่อย ๆ มีคนไปฝึกงานที่วัดป่าหลายคนไม่ทราบว่าเป็นคนหมู่บ้านใด โดยนายบุญมี ประสมศรี พยานจำเลยก็เบิกความเจือสมกับพยานโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยเคยชักชวนคนไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยไปชวนคนที่อยู่บ้านใกล้ ๆ กัน พยานถามจำเลยว่าไปไหน จำเลยว่าจะหาคนไปนอก ฟังได้ว่านอกจากชักชวนผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานแล้ว จำเลยกับพวกยังได้ชักชวนคนทั่วไปให้ไปทำงานด้วย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน จำเลยต้องมีความผิดตามฟ้อง ที่โจทก์ขอให้คืนเงินจำนวน 54,100 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสอง ปรากฏว่านายทองใบได้รับเงินคืน 4,000 บาทแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินให้นายทองใบเพียง 21,100 บาท ส่วนนายบุดดีหรือบุดทีไม่ได้รับเงินคืนเลย จำเลยจึงต้องค้นเงินเต็มตามเอกสารหมายจ.3 และ จ.4 จำนวน 25,100 บาท ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคแรก, 83 นอกจากนี้ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th