ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 352, 91 ให้จำเลยใช้เงินและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์รวม 63,890 บาท แก่ผู้เสียหาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2995/2539 ของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ระหว่างพิจารณา บริษัทไดสตาร์เชน จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 352 (ที่ถูกมาตรา 352 วรรคแรก), 91 เห็นว่า จำเลยได้ชดใช้เงินให้โจทก์ร่วมบางส่วนเป็นเงิน 21,000 บาท คงเหลือเงินที่จะต้องชำระหนี้อยู่เพียง 42,890 บาท การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เห็นสมควรลงโทษจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ส่วนที่เหลือ 42,890 บาท ส่วนคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2995/2539 หมายเลขแดงที่ 2289/2541 ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษา จึงนับโทษต่อไม่ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้

จำเลยอุทธรณ์และแก้ไขอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ. มาตรา 352 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ตาม ป.อ. มาตรา 356 ซึ่งจากข้อเท็จจริงในสำนวนได้ความว่า จำเลยได้พยายามหาเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมบางส่วนแล้วเป็นเงิน 21,000 บาท ทั้งปรากฏเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยคดีนี้ว่า โจทก์ร่วมได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการที่จำเลยเข้าทำงานกับโจทก์ร่วมและได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยผู้ค้ำประกันจำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมเป็นที่พอใจแล้ว ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1015/2540 ของศาลจังหวัดมหาสารคาม ทั้งโทษที่ศาลล่างทั้งสองลงแก่จำเลยก็เป็นโทษจำคุกระยะสั้น ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงจำคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้โอกาสแก่จำเลยเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติสืบไป ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยได้หลาบจำในการกระทำผิดครั้งนี้ จึงให้ลงโทษปรับและคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่โจทก์ร่วมยังไม่ได้รับคืนเป็นเงิน 42,890 บาท ทั้งที่โจทก์ร่วมได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ค้ำประกันจำเลยและได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยผู้ค้ำประกันจำเลยยอมชำระให้แก่โจทก์ร่วมแล้วตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1015/2540 ของศาลจังหวัดมหาสารคาม อันทำให้โจทก์ร่วมได้รับชำระหนี้ทั้งสองทางคือจากจำเลยและจากผู้ค้ำประกันจำเลยเป็นการเอาเปรียบจำเลย เป็นการไม่ชอบ จึงขอให้จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ส่วนที่เหลือ 42,890 บาทนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ร่วมฟ้องผู้ค้ำประกันจำเลยเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วมรวมอยู่ด้วย เป็นการที่โจทก์ร่วมใช้สิทธิเรียกร้องต่อผู้ค้ำประกันจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญากันอันเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ที่ผู้ค้ำประกันจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมในทางแพ่ง ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยในทางอาญา ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจให้จำเลยต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินที่ได้ยักยอกไปแก่โจทก์ร่วมตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าการที่จำเลยต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอกไปให้แก่โจทก์ร่วมคดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายที่ผู้ค้ำประกันจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระให้แก่โจทก์ร่วมในคดีแพ่งดังกล่าวแล้ว ก็มิใช่กรณีที่โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิที่จะขอบังคับเอาได้ทั้งสองทางดังที่จำเลยฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยในส่วนนี้ว่า เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง กระทงละ 1,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นเงิน 2,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 1,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ทั้งนี้ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือน ต่อ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี โดยให้พนักงานคุมประพฤติจัดให้จำเลยทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรร่วมกัน รวม 20 ชั่วโมง ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th