ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยเรียกนายสงครามเป็นโจทก์ที่ 1 บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์จำกัด เป็นโจทก์ที่ 2 และเรียกนายแก้ว นายสมจิต นายวุฒิไกรและบริษัทพิพัทธ์ประกันภัย จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4ตามลำดับ

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างโดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ที่ 1 เสียหายรวม 68,700บาท โจทก์ที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ที่ 1ได้จ่ายค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 37,000 บาทจำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 68,700 บาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 39,300 บาท

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 และที่ 4 ให้การว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทเลินเล่อของคนขับรถโจทก์ที่ 1 โจทก์ทั้งสองไม่ได้เสียหายมากดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างผู้ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ต้องเสียค่าซ่อมเป็นเงิน 23,000 บาท จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับจึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 23,000บาท แก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การว่าผู้ที่ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เป็นฝ่ายที่ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของจำเลยที่ 3 เสียหาย จำเลยที่ 1และที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ โจทก์ไม่เสียหายมากดังฟ้องฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินจำนวน 56,200บาทและดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4ใช้เงินจำนวน 37,000 บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ 2 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ให้ยกฟ้องของจำเลยที่ 4

จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว พิพากษาแก้เป็นว่าไม่บังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีสองสำนวนนี้สำนวนแรกโจทก์ที่ 2ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 39,300 บาทแก่โจทก์ที่ 2 สำนวนหลังจำเลยที่ 4 ฟ้องขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 24,715 บาทแก่จำเลยที่ 4 จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ใช้ค่าเสียหายจำนวน37,000 บาทแก่โจทก์ที่ 2 และยกฟ้องของจำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว จึงพิพากษาแก้เป็นว่าไม่บังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานจำเลยที่ 4 ที่ขอส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่น ทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่มีโอกาสสู้คดีได้เต็มภาคภูมิและศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายสูงเกินไปนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการส่งประเด็นและการกำหนดค่าเสียหายจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 4.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th