ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.บ.03338 ซึ่งนายเหลือบเป็นลูกจ้างทำหน้าที่ขับ จำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม2519 นายเหลือบขับรถดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2ด้วยความประมาทพลิกคว่ำขวางทางในเส้นทางที่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฝ.8212 ของกรมทางหลวงที่แล่นสวนทางมา โดยมีนายแสวงเป็นผู้ขับและโจทก์นั่งมาด้วย นายแสวงไม่อาจหยุดรถหรือหลบหลีกได้ จึงแล่นเข้าชนรถของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้นั่งมาในรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฝ.8212 นายเหลือบมิใช่ลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของนายแสวง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า นายเหลือบไม่ใช่ลูกจ้างทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เหตุเกิดเพราะคนขับรถคันที่โจทก์นั่งมาประมาทรถยนต์ที่นายเหลือบขับพลิกคว่ำเพราะเหตุสุดวิสัย

จำเลยที่ 3 ให้การว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนน.บ.03338 ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เพราะขายให้จำเลยที่ 2 นายเหลือบเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์คันนี้แต่จำเลยที่ 1 ขายไปโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบ เป็นการเปลี่ยนแปลงการครอบครองวัตถุประสงค์แห่งสัญญาประกันภัยสัญญาตกเป็นโมฆะ จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด หากจำเลยที่ 3ต้องรับผิด ก็คงรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรมประกันภัยเท่านั้นและเหตุเกิดเพราะความประมาทของนายแสวง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาทต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ไม่รับวินิจฉัยให้ พิพากษายกอุทธรณ์

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่านายเหลือบกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1โจทก์สืบไม่สมฟ้องนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ ตามที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกมิได้ เพราะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th