ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากบ้านเลขที่ 90/6-7 ซอยเปรมสมบัติ ถนนประชาสงเคราะห์แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากบ้านของโจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช้เจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารพิพาทโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านพิพาทและส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 4,166.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องอีกเดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกไปจากบ้านของโจทก์

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 2,500 บาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเดือนละ 3,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามคำแก้ฎีกาของโจทก์ว่า คดีนี้จำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 248 หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาท จำเลยพักอาศัยอยู่โดยไม่มีสิทธิขอให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกไป จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยมีสิทธิอยู่ในบ้านพิพาทเพราะจำเลยซื้อบ้านพิพาทจากบริษัท ซ.เคหะกิจเจริญ จำกัด ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมแต่ยังไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้กรรมสิทธิ์ จึงไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ขึ้นมาหากแต่เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งแม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่า อาจนำบ้านพิพาทกออกให้เช่า จะได้ค่าเช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งหมายถึงอาจให้เช่าได้เดือนละ10,000 บาท หรือมากกว่านี้ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 3,000 บาท โดยโจทก์มิให้อุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงจึงยุติว่า บ้านพิพาทอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท กรณีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์รับโอนบ้านพิพาทจากนายจงรักษ์กับนางจรรยาด้วยการคบคิดกันโดยไม่สุจริต และบ้านพิพาทหากให้เช่าจะได้ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"

พิพากษายก ฎีกา จำเลย

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th