ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต และร่วมกันผลิตเฮโรอีนดังกล่าวจำนวน 10 หลอด อันเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสามร่วมกันแบ่งเฮโรอีนจากเฮโรอีนหลอดใหญ่บรรจุใส่หลอดกาแฟท่อนเล็ก ๆ เพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65 วรรคสอง, 66, 67,102 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่2) พ.ศ. 2522 เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90 และริบของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 และฐานผลิตเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษฐานผลิตเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ริบของกลาง

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยทั้งสามหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสามมีกำหนดคนละ 33 ปี 4 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 'คดีฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันเวลาเกิดเหตุ ขณะจำเลยทั้งสามนั่งอยู่บนตั่ง (เตียง) ในห้องครัวบ้านเกิดเหตุ ได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้และยึดเฮโรอีนพร้อมด้วยเครื่องมืออื่น ๆ ของกลางจากบ้านเกิดเหตุไป มีปัญหาขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและผลิตเฮโรอีนโดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยาน 2 ปากคือ ร้อยตำรวจโทธีระพล ทิพย์เจริญ และจ่าสิบตำรวจเกษม บำรุงถิ่นมาเบิกความต้องกันยืนยันว่า จำเลยทั้งสามนั่งอยู่บนตั่งในห้องครัวขณะพยานทั้งสองไปแอบดู เห็นจำเลยที่ 1 เอาเฮโรอีนใส่ลงบนธนบัตรใบละ 100 บาทบรรจุลงในหลอดกาแฟตัดสั้น แล้วส่งให้จำเลยที่ 2 นำไปลนไฟเทียนไขเพื่อปิดหัวท้ายหลอดกาแฟ เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 ก็ส่งให้จำเลยที่ 3 รับไว้เมื่อพยานทั้งสองจับจำเลยทั้งสามได้ก็ได้ยึดของต่าง ๆไว้เป็นของกลาง ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 เมื่อทำบันทึกการจับกุม จำเลยทั้งสามรับสารภาพในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามเอกสารหมาย จ.2ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าพยานโจทก์ทั้งสองปากนี้เบิกความแตกต่างกัน เช่น ร้อยตำรวจโทธีระพลเบิกความว่าไปบ้านเกิดเหตุโดยรถยนต์ แต่จ่าสิบตำรวจเกษมซึ่งอ้างว่าไปพร้อมกันกลับเบิกความว่าตนขี่รถจักรยานยนต์ไปนั้น ก็ปรากฏว่าจ่าสิบตำรวจเกษมเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่าร้อยตำรวจโทธีระพลไปบ้านเกิดเหตุโดยรถยนต์ ส่วนพยานกับเจ้าพนักงานตำรวจอีกคนหนึ่งไปด้วยกัน ซึ่งก็หมายถึงว่าขี่รถจักรยานยนต์ล่วงหน้าไปก่อนตามที่เบิกความในตอนแรกนั้นเอง หาได้ขัดกันไม่ และที่จ่าสิบตำรวจเกษมว่าไปถึงพบชายมือปืน 2 คนหน้าบ้านเกิดเหตุ แต่ร้อยตำรวจโทธีระพลว่าไม่พบใครหน้าบ้านที่เกิดเหตุก็ไม่ขัดกัน เพราะร้อยตำรวจโทธีระพลไปถึงทีหลังจ่าสิบตำรวจเกษม และเป็นเวลาที่ชาย 2 คนนั้นหลบไปแล้ว นอกจากนั้นก็มิใช่ข้อแตกต่างอันทำให้ไม่น่าเชื่อพยานโจทก์ทั้งสองปากนี้ดังที่จำเลยทั้งสามฎีกาแต่อย่างใดเมื่อพิจารณาถึงบันทึกคำรับชั้นจับกุมจำเลยทั้งสามก็รับสารภาพตามข้อหา ที่จำเลยทั้งสามนำสืบว่าลงลายมือชื่อโดยมิได้ให้อ่านข้อความก่อนนั้น ก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆไม่มีเหตุผล ถ้าจำเลยทั้งสามจะอ่านเองก่อนลงลายมือชื่อก็ย่อมทำได้ ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนก็คงจดบันทึกตามความเป็นจริง มิได้บังคับขู่เข็ญหรือนำคำให้การอื่นมาให้จำเลยทั้งสามลงลายมือชื่อแต่อย่างใด คดีจึงน่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำผิดจริงตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า หากศาลฎีกาฟังว่าจำเลยทั้งสามมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองแล้ว ก็เพียงมีไว้โดยมิได้รับอนุญาตเท่านั้นมิใช่เป็นการผลิตนั้นเห็นว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดกาแฟสั้นก็เป็นการ 'ผลิต' ตามความหมายในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แล้ว ฉะนั้น ที่จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น จึงไม่อาจกระทำได้ เพราะศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามกฎหมายซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังลดโทษให้อีกหนึ่งในสามด้วย นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น'

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th