ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 19679 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินดังกล่าวมีชื่อนายสมบูรณ์สุพรรณธะริดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 ซึ่งถึงแก่ความตายแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่งเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 4 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภรรยาของจำเลยที่ 2ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องอุทธรณ์ และให้จำหน่ายคดีนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีได้ความตามสำนวนว่า จำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องมีทั้งหมด 15 คน ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 19679 ตามคำร้องที่โจทก์นำยึดบังคับคดีมีชื่อนายสมบูรณ์ สุพรรณธะริดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอกันส่วนในที่ดินดังกล่าวโดยอ้างว่านายสมบูรณ์ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่ 2 ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยในฐานะที่ผู้ร้องเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องผู้ร้องอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ศาลชั้นต้นกำหนดให้ผู้ร้องมาทราบคำสั่งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 ครั้นถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์2541 อันเป็นวันครบกำหนด ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งประการใด ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์จำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีแก้ภายใน 15 วัน ให้ผู้ร้องนำส่งภายใน 7 วัน หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 24กุมภาพันธ์ 2541 ที่ให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ จำเลยเจ้าพนักงานบังคับคดี นั้น ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ส่งคำสั่งดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดยชอบ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงนับว่าไม่ถูกต้อง แม้จะได้ความว่าผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ส่วนจำเลยที่ 9 ถึงที่ 15 มิได้นำส่งก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246นอกจากนั้นยังปรากฏว่าในชั้นร้องขอกันส่วนของผู้ร้องนี้ ผู้ร้องอ้างว่านายสมบูรณ์ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดเลขที่ 19679 แทนจำเลยที่ 2 ที่ 3และนายอาภรณ์ สุพรรณธะริดา ด้วย ผู้ร้องในฐานะภรรยาจำเลยที่ 2ขอกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวกึ่งหนึ่งเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเห็นได้ว่าคำร้องของผู้ร้องไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 9 ถึงที่ 15ทั้งในการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นก็มิได้ส่งหมายนัดให้จำเลยที่ 9 ถึงที่ 15 แต่อย่างใด จำเลยที่ 9 ถึงที่ 15 จึงไม่ใช่จำเลยอุทธรณ์ กรณีไม่จำต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 9 ถึงที่ 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องอุทธรณ์และให้จำหน่ายคดีนั้นจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น"

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2) ประกอบด้วยมาตรา 247

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th