คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2351 - 2352/2523
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1299, 1382
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทโดยบรรยายฟ้องว่า โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยไม่ได้ระบุว่าได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเมื่อใดนั้น หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ เพราะข้อที่ว่าบอกกล่าวเมื่อใด เป็นรายละเอียด ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
เมื่อจำเลยยังมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะนำมาใช้ยันกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิในที่พิพาทโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องการครอบครองปรปักษ์ให้
คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน เรียกนายเชาว์ว่าโจทก์นายชลิตว่าจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งโดยซื้อมาจากนางพรพรรณและนางสาวพรศรี จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งอยู่ติดต่อกัน หลังจากโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์แล้วทราบว่าจำเลยได้ล้อมรั้วรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนจำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่า โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเมื่อใด เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่ง จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งอยู่ติดต่อกันจำเลยปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนจำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยสมบูรณ์แล้ว ที่ไม่ได้ระบุว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเมื่อใดนั้น เป็นรายละเอียด หาจำต้องกล่าวในฟ้องแต่ประการใดไม่ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยยังมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะนำมาใช้ยันกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิในที่พิพาทโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคท้ายหาได้ไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องการครอบครองปรปักษ์
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ ผู้ร้อง - นายชลิต อัครฐานาชีวะ ผู้คัดค้าน - นายเชาว์ เผ่าเหลืองทอง ฯ โจทก์ - นายเชาว์ เผ่าเหลืองทอง ฯ ผู้คัดค้าน - โจทก์ นายเชาว์ เผ่าเหลืองทอง ฯ จำเลย - นายชลิต อัครฐานาชีวะ ผู้คัดค้าน - จำเลย นายชลิต อัครฐานาชีวะ
ชื่อองค์คณะ ไพบูลย์ ไวกาสี วิทูร เทพพิทักษ์ สุนทร วรรณแสง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan