ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ทั้งสองโดยตัดค่าจ้างอ้างว่าโจทก์ทั้งสองบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ถูกตัดคืนแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ทั้งสองตามข้อบังคับของจำเลย เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย และให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ตัดให้แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 29 ออกข้อกำหนดศาลแรงงาน ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานข้อ 10 ว่า ในกรณีที่ศาลแรงงานสั่งให้มีการสืบพยาน ศาลจะสอบถามโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายว่าประสงค์จะอ้างและสืบพยานใดบ้าง หรือจะให้คู่ความทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลในวันนั้น หรือภายในกำหนด 2 วันก็ได้นั้น เป็นกรณีที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางออกข้อกำหนดให้ศาลแรงงานกลางใช้ดุลพินิจเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาบรรลุผลตามเจตนารมณ์ดังกล่าว หาใช่เป็นข้อกำหนดบังคับให้คู่ความถือปฏิบัติโดยที่ศาลแรงงานมิได้มีคำสั่งไม่ เมื่อศาลแรงงานกลางมิได้มีคำสั่งตามข้อกำหนดดังกล่าว การยื่นบัญชีระบุพยานจำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานซึ่งโจทก์ยื่นหลังจากจำเลยซึ่งนำสืบก่อนสืบพยานไปบ้างแล้วนั้นเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางสั่งอนุญาตโดยเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ถือว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานโดยชอบแล้วศาลแรงงานกลางย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานโดยขออ้างโจทก์ทั้งสองเป็นพยานเท่านั้น มิได้อ้างพยานบุคคลหรือเอกสารอื่นใด จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









