สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 352

โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท ถ้าจำเลยจัดหาคนรับสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่านั้น เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000บาทส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยเอาไว้เป็นของตนเสีย การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สาม ซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้นมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายหรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิการเช่าในอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ จำเลยได้ตกลงรับจัดหาคนมารับโอนโดยมีข้อตกลงว่า ถ้าจำเลยเรียกร้องค่าโอนได้มากกว่า 150,000 บาท เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย ต่อมาจำเลยตกลงทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าอาคารดังกล่าวให้ผู้มีชื่อในราคา 195,000บาท จำเลยรับเงินมาแล้วนำมาให้โจทก์เพียง 80,000 บาท ที่เหลือจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาไว้เสียเอง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท แต่ถ้าจำเลยจัดหาคนรับโอนสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่า 150,000 บาท เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลยเมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา 195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000 บาท ส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยได้ยักยอกเอาไว้เป็นของตนเสียนั้น การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนสิทธิการเช่าไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สามซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินให้แก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้น มิใช่จำเลยได้รับมอบหมาย หรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนผู้เสียหายทั้งปรากฏจากสัญญาโอนสิทธิการเช่านั้น ตามเอกสารหมาย จ.1ว่า จำเลยเป็นผู้ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าบ้านเลขที่ 62/6 ถนนประชาสงเคราะห์พญาไท ในนามของจำเลย หาได้ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยรับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าจากผู้รับโอนตามสัญญาโอนสิทธิการเช่าตามเอกสารหมาย จ.1 จึงมิใช่เป็นการรับเงินแทนโจทก์แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางประภาศรี ชูชีพ จำเลย - นางฉะอ้อน พุทธสินธุ์

ชื่อองค์คณะ ประสาท บุณยรังษี ปรีชา สุมาวงศ์ สุวรรณพ กองวารี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE