ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์ขาดงานมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน พร้อมทั้งจ่ายค่าจ้างให้โจทก์นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับกลับเข้าทำงาน หรือให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าและเงินสะสม พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การต่อสู้คดี

โจทก์แถลงว่าได้รับเงินสะสมไปแล้ว

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่าตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยเอกสารหมาย ล.2 กำหนดการลงโทษพนักงานเป็นขั้นตอน คือ 1. ตักเตือนด้วยวาจา 2. ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร3. พักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง 4. ตัดค่าจ้าง 5. ปลดออก6. ไล่ออก ทั้งนี้ เว้นแต่จะเป็นกรณีความผิดร้ายแรง จำเลยจึงจะเลิกจ้างโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนได้ ความผิดของโจทก์เป็นกรณีไม่ร้ายแรง โจทก์ถูกลงโทษตักเตือนด้วยวาจา ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรและพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างแล้วโทษขั้นตอนต่อไปคือตัดค่าจ้างการที่จำเลยลงโทษเลิกจ้างโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามขั้นตอน นอกจากนี้การที่โจทก์ไม่ได้ไปทำงาน โจทก์ได้ลางานแล้วแต่จำเลยไม่อนุญาตกรณีจึงไม่ใช่การขาดงานโดยไม่มีเหตุผล แม้อาจเป็นเรื่องการลาผิดระเบียบ จำเลยก็ไม่เคยตักเตือนโจทก์มาก่อน พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเอกสารหมาย ล.2บทที่ 7 วินัย และมาตราการการลงโทษ ข้อ ค. ได้กำหนดขั้นตอนการลงโทษเป็นข้อ ๆ ตามลำดับตามที่โจทก์อุทธรณ์จริง แต่ในข้อ ค. วรรคแรกก็ได้กำหนดไว้ว่า พนักงานซึ่งไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัยและข้อบังคับ อาจถูกผู้บังคับบัญชาหรือฝ่ายบุคคลพิจารณาลงโทษได้ตามลักษณะความผิดเป็นกรณี ๆ ไป โดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ดังนั้น เมื่อพนักงานกระทำความผิดในกรณีไม่ร้ายแรง แต่เป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน จำเลยก็มีอำนาจลงโทษปลดออกหรือไล่ออกได้หาจำเป็นที่จะต้องลงโทษตามขั้นตอนตามที่โจทก์อุทธรณ์ไม่ อุทธรณ์ส่วนนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำผิดของโจทก์เป็นการซ้ำคำเตือนหรือไม่ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกำหนดว่าการลากิจต้องยื่นใบลาล่วงหน้า 1 วัน และต้องได้รับอนุมัติก่อนจึงจะหยุดได้ ส่วนการลาป่วยต้องยื่นใบลาในวันแรกที่มาทำงานเมื่อวันที่ 4, 9, 20, 23, 31 มกราคม 2533 และวันที่ 1, 3กุมภาพันธ์ 2533 โจทก์มิได้มาทำงานและมิได้ยื่นใบลากิจหรือลาป่วยโดยไม่มีเหตุจำเป็น การกระทำของโจทก์เป็นความผิดตามข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย และเป็นกรณีซ้ำคำเตือนตามเอกสารหมาย ล.4 เห็นว่า จำเลยเคยมีหนังสือตักเตือนโจทก์เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2532 ตามเอกสารหมาย ล.4 ในคำเตือนดังกล่าวระบุการกระทำของโจทก์ว่าหยุดงานโดยไม่ลาและไม่มีเหตุอันควรในวันที่1 กันยายน, 4 กันยายน, 6 กันยายน และ 8 กันยายน 2532 เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยในเรื่องการหยุดงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร คำตักเตือนของจำเลยจึงเป็นการตักเตือนโจทก์เกี่ยวกับการหยุดงานโดยไม่ลากิจล่วงหน้าหรือลาป่วยตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย เป็นความผิดเกี่ยวกับการไม่ลาให้ถูกต้องและมีผลเป็นความผิดฐานขาดงานด้วย ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาก็ปรากฏว่าโจทก์ได้ขาดงานในวันที่ 4, 9,20, 23, 31 มกราคม 2533 และวันที่ 1, 3 กุมภาพันธ์ 2522 รวม 7 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยไม่ยื่นใบลากิจหรือลาป่วยเช่นเดียวกันการกระทำผิดของโจทก์จึงเป็นการซ้ำคำเตือนตามเอกสารหมาย ล.4 จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th