คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2565
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 39 (4) พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2550 ม. 3
แม้เมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใสของกลางจะเป็นเมทแอมเฟตามีนคนละชนิดและตรวจยึดได้คนละสถานที่ก็ตาม เมื่อได้ความว่า จำเลยที่ 3 ซื้อเมทแอมเฟตามีนทั้งสองชนิดมาพร้อมกัน และนํามาซุกซ่อนไว้ใต้ฐานพัดลมในบ้านของจำเลยที่ 1 ก่อนเกิดเหตุ อ. โทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อ จำเลยที่ 3 ได้แยกเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด ออกมาเพื่อเตรียมไว้จำหน่าย ดังนี้ เมื่อเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด ที่จำเลยที่ 3 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใสของกลางคดีนี้ โดยจำเลยที่ 3 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกัน เพียงแต่แยกเก็บไว้ในสถานที่ต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 คดีนี้กับการกระทำของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้นจึงเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวกัน เมื่อศาลมีคําพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้นแล้ว สิทธินําคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 3 ของโจทก์ในคดีนี้จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ริบของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามกฎหมายและนับโทษจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 489/2561 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและจำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ 3 ถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ แต่ยกข้อต่อสู้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นอันระงับไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คงเพิ่มโทษได้เฉพาะโทษปรับ เป็นปรับ 1,500,000 บาท จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี และปรับ 750,000 บาท หากจำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นับโทษจำเลยที่ 3 คดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ริบของกลางเว้นแต่โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางไม่ริบ แต่ให้คืนแก่เจ้าของ
โจทก์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายอิทธิชัย พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 92 เม็ด และขยายผลการจับกุมโดยไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 562 และ 562/2 พบจำเลยที่ 3 อยู่ใต้ถุนบ้านเลขที่ 562 จำเลยที่ 3 โยนเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด ที่บรรจุอยู่ในถุงทิ้งลงข้างตัวเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและแยกดำเนินคดีต่างหาก จากการตรวจค้นบ้านเลขที่ 562/2 ของจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส 31 ถุง น้ำหนัก 90.130 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 78.891 กรัม ซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพัดลม เครื่องชั่งดิจิทัลพร้อมซองหนังสีดำ 1 เครื่อง ถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด 40 ถุง ช้อนพลาสติกสีขาว 1 คัน หลอดพลาสติกใส 1 หลอดกล่องกระดาษสำหรับส่งไปรษณีย์ 1 กล่อง และโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด ได้ยึดเป็นของกลาง พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสามว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โจทก์และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ฎีกา จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 3 ของโจทก์ระงับไปหรือไม่ เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 3 พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส 31 ถุง ของกลางคดีนี้ได้ในคราวเดียวกันในเวลาที่ต่อเนื่องกัน แม้เมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใสของกลางจะเป็นเมทแอมเฟตามีนคนละชนิดและตรวจยึดได้คนละสถานที่ก็ตาม ก็ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 3 ประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งโจทก์มิได้ซักถามให้เห็นเป็นอย่างอื่นว่า จำเลยที่ 3 ซื้อเมทแอมเฟตามีนทั้งสองชนิดมาพร้อมกัน และนำมาซุกซ่อนไว้ใต้ฐานพัดลมในบ้านของจำเลยที่ 1 ก่อนเกิดเหตุนายอิทธิชัยโทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อ จำเลยที่ 3 ได้แยกเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด ออกมาเพื่อเตรียมไว้จำหน่าย ดังนี้ เมื่อเมทแอมเฟตามีน 395 เม็ด ที่จำเลยที่ 3 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใสของกลางคดีนี้โดยจำเลยที่ 3 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกัน เพียงแต่แยกเก็บไว้ในสถานที่ต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 คดีนี้กับการกระทำของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้นจึงเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวกันเมื่อศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1111/2561 ของศาลชั้นต้นแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 3 ของโจทก์ในคดีนี้จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.65/2565
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดชัยบาดาล จำเลย - นาง ท. กับพวก
ชื่อองค์คณะ วีรภัทร ไพบูลย์วัฒนกิจ สันทัด สุจริต อรพงษ์ ศิริกานต์นนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดชัยบาดาล - นางสาวนาวีพรรณ สีหพันธุ์ ศาลอุทธรณ์ - นายทวีศักดิ์ จิวะวิทูรกิจ