สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 225

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวเท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้วจึงเป็นการไม่ชอบ

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ส.ค.1 ของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้เนื่องจากที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นของมารดาจำเลยขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ นายโพธิ์ ลิสอนและมารดาจำเลยต่างเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายสีจึงเป็นเจ้าของร่วมกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของมารดาพิพากษายกฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนายสี

ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 นายวิวัฒน์ลิสอน ผู้จัดการมรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ถึงแก่กรรมนายโพธิ์ ลิสอน ผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งของนายสี ลิสอนยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาต

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี และวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอายุความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องไม่ชอบเพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าว เท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องทั้งที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้ว จึงเป็นการไม่ชอบ

พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายวิวัฒน์ ลิสอน ในฐานะผู้จัดการมรดก โจทก์ - ของนายสี ลิสอน โดยนายโพธิ์ ลิสอน ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน จำเลย - นาย วิเชียร อินทร์กล่ำ

ชื่อองค์คณะ ปรีชา เฉลิมวณิชย์ ธีระจิต ไชยาคำ ประกาศ บูรพางกูร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE