ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหาร ได้เช่าบ้านของโจทก์อยู่ ต่อมาผู้เช่าถึงแก่กรรมจำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเช่า ได้มีหนังสือแสดงความจำนงขออยู่ต่อไปตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แต่โจทก์เห็นว่า จำเลยมิได้เป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นภรรยาของ พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหารแต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เพราะขณะนั้นพระยาพิทักษ์ทวยหารมีภรรยาอยู่แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่รับกันว่าจำเลยอยู่กับพระยาพิทักษ์ทวยหารในบ้านรายนี้ มาช้านานในฐานะเป็นภรรยาพระยาพิทักษ์ทวยหาร และทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าบ้าน เช่นนี้ย่อมเป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่า จำเลยเป็น "ผู้หนึ่งในครอบครัว" ของพระยาพิทักษ์ทวยหารตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าแล้ว แม้มิได้จดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้ข้อวินิจฉัยในคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







