ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชิงทรัพย์ กระเป๋าเงิน 1 ใบ ตั๋วสำหรับรับปูนซิเมนต์ 1 ฉบับ ใบสั่ง ใบขับขี่ของตำรวจทางหลวง 1 ฉบับเงินสด 1,650 บาท โดยจำเลยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้และขู่เข็ญว่าถ้าไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ปกปิดการกระทำผิด หรือให้พ้นจากการจับกุม และจำเลยทั้งสองได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์ดังกล่าวไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เหตุเกิดที่ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 และสั่งริบรถจักรยายนต์ของกลางกับให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์1,550 บาท และให้คืนเงิน 500 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรค 3 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี วางโทษจำคุกคนละ 15 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 10 ปี เนื่องจากได้ความว่าผู้เสียหายได้รับเงินคืนไปแล้ว 500 บาท จึงให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหาย 1,050 บาท คำขออื่นให้ยก

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์มิได้ระบุชื่อเจ้าของทรัพย์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตามมาตรา 192 แม้จำเลยที่ 2มิได้อุทธรณ์ แต่เหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรีโดยบรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้และขู่เข็ญว่าถ้าไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย มิได้บรรยายว่ทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดของบทกฎหมายดังกล่วนอกจากนี้การที่ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวถึงตัวบุคคลผู้ถูกจำเลยใช้มีดจี้ ขู่เข็ญ และเป็นเจ้าของทรัพย์ไว้เลย ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไปที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th