สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2562

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2562

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 80, 83 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ม. 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง

การที่จำเลยกับพวกร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางไว้ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เกิดเหตุตามที่นัดหมายกันไว้ก่อน ถือได้ว่าจำเลยกับพวกลงมือกระทำความผิดในการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งมอบให้แก่ ส. ผู้ซื้อไปตลอดแล้ว การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยกับพวกมีผลสมบูรณ์เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่จำเลยกับพวกได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางไว้ที่หลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เกิดเหตุนั้นแล้ว แม้ขณะนั้น ส. ซึ่งเป็นผู้ติดต่อล่อซื้อจะถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ก็ไม่มีผลทำให้ ส. ไม่สามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้แต่อย่างใด

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 138, 360

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 138 วรรคแรก, 358 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 14 ปี และปรับ 750,000 บาท ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 8 ปี และปรับ 450,000 บาท ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ กับฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน ทางนำสืบของจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เป็นประโยขน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 22 ปี 3 เดือน และปรับ 1,200,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 จำคุก 5 ปี 4 เดือน และปรับ 300,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นจำคุก 19 ปี 7 เดือน และปรับ 1,050,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 วันเกิดเหตุเวลา 15.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจร่วมกันจับกุมนายสุทธิพงษ์ พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 30 เม็ด เป็นของกลาง ชั้นจับกุมนายสุทธิพงษ์ให้การรับสารภาพและต้องการได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 จึงแจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่า สามารถสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนางสาวโต ซึ่งเป็นหญิงชาวลาวได้ครั้งละ 2 ถุง บรรจุถุงละ 200 เม็ด รวม 400 เม็ด ราคา 36,000 บาท โดยนางสาวโตจะให้เครดิตนำเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายก่อน เมื่อจำหน่ายหมดแล้วจึงจะชำระเงินที่ซื้อแก่นางสาวโต เจ้าพนักงานตำรวจจึงให้ทำการล่อซื้อโดยให้นายสุทธิพงษ์สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนดังกล่าว นางสาวโตตกลงขายให้โดยบอกว่าจะให้ลูกน้องนำเมทแอมเฟตามีนไปวางไว้ที่หลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ริมถนนบริเวณถนนสายสกลนคร – อุดรธานี (ขาเข้าอุดรธานี) ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา ของวันเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมซึ่งวางแผนล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนได้วางกำลังเพื่อจับกุมตามจุดต่าง ๆ บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เมื่อถึงเวลาดังกล่าวจำเลยได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ หมายเลขทะเบียน กม 6148 อุดรธานี มีนายสุรศักดิ์นั่งข้างคนขับเข้ามาจอดที่หลักกิโลเมตรที่ 14 แล้วนายสุรศักดิ์เปิดประตูรถออกมานำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกที่ตกลงซื้อขายกันมาวางไว้ที่หลักกิโลเมตรดังกล่าว แล้วเดินกลับไปขึ้นรถ เจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มดูอยู่จึงขับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ติดตามเพื่อจับกุมจำเลยกับพวก จำเลยขับรถหลบหนี ระหว่างนั้นนายสรุศักดิ์ได้โยนห่อเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 400 เม็ด ลงข้างทางด้านซ้าย ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมจำเลยกับนายสุรศักดิ์ได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้จากหลักกิโลเมตรที่ 14 และที่นายสุรศักดิ์โยนลงข้างทางเป็นของกลาง คดีสำหรับจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และฐานทำให้เสียทรัพย์ คู่ความไม่ฎีกา จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด ของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจทำการล่อซื้อว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นความผิดสำเร็จหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมพยานโจทก์ว่า ในชั้นจับกุมนายสุทธิพงษ์ให้การว่า สามารถซื้อเมทแอมเฟตามีนจากหญิงชาวลาวโดยติดต่อผ่านโปรแกรมไลน์ซึ่งหญิงชาวลาวใช้ชื่อว่า “OARPUN” และทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในชื่อ “น้องสาวโต” หมายเลขโทรศัพท์ 09 8917 xxxx จำเลยบันทึกหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลขนี้ว่า “เหี่ยว” ในการซื้อขายกันก่อนเกิดเหตุโดยปกตินางสาวโตจะส่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายสุทธิพงษ์บริเวณถนนสายสกลนคร - อุดรธานี (ขาเข้าอุดรธานี) ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 โดยนัดส่งเวลาประมาณ 20 นาฬิกา ทุกครั้ง เมื่อนายสุทธิพงษ์เล่ารายละเอียดให้ฟังแล้ว พันตำรวจตรีสมร ผู้จับกุมจึงให้นายสุทธิพงษ์โทรศัพท์ติดต่อกับนางสาวโตเพื่อล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนโดยให้เปิดลำโพงเสียงพูดโทรศัพท์ให้พันตำรวจตรีสมรกับพวกได้ยินด้วย นางสาวโตพูดกับนายสุทธิพงษ์ว่าเวลาประมาณ 20 นาฬิกา จะให้ลูกน้องนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เคยส่งประจำ ดังนี้ เห็นได้ว่าการที่จำเลยกับนายสุรศักดิ์ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางไว้ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เกิดเหตุตามที่นัดหมายกันไว้ก่อน ถือได้ว่าจำเลยกับพวกลงมือกระทำความผิดในการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งมอบให้แก่นายสุทธิพงษ์ผู้ซื้อไปตลอดแล้ว การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยกับพวกมีผลสมบูรณ์เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่จำเลยกับพวกได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางไว้ที่หลักกิโลเมตรที่ 14 ที่เกิดเหตุนั้นแล้ว แม้ขณะนั้นนายสุทธิพงษ์ซึ่งเป็นผู้ติดต่อล่อซื้อจะถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ก็ไม่มีผลทำให้นายสุทธิพงษ์ไม่สามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้แต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยกับนายสุรศักดิ์ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางก็เพื่อที่จะให้ผู้อื่นมารับไปตามที่นางสาวเหี่ยวหรือนางสาวโตสั่ง มิได้วางไว้เพื่อให้เจ้าพนักงานมารับไป การส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 8 ปี และปรับ 450,000 บาท เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คงจำคุกจำเลย 22 ปี 3 เดือน และปรับ 1,200,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.51/2561

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี จำเลย - นางสาว ก.

ชื่อองค์คณะ นิรัตน์ จันทพัฒน์ สิทธิชัย โชคสวัสดิ์ไพศาล จรัญ รัตตมณี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดอุดรธานี - นายคมสัน อ้นโตน ศาลอุทธรณ์ - นายเฉลิมชัย จินะปริวัตอาภรณ์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE