ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ ฟ้อง ขับไล่ จำเลย ผู้ อาศัย และ บริวาร ให้ ออก จาก ที่ดินพิพาท ของ โจทก์ และ เรียก ค่าเสียหาย

จำเลย ให้การ ว่า จำเลย เช่า ที่ดิน จาก เจ้าของ ที่ดิน เดิม โดยไม่ มี หลักฐาน เป็น หนังสือ และ ได้ ปลูก พืช เกษตรกรรม จึง ได้ รับการ คุ้มครอง โดย พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524การ บอก เลิก สัญญาเช่า โจทก์ ต้อง แจ้ง เป็น หนังสือ ต่อ จำเลยพร้อมทั้ง แสดงเหตุ แห่ง การ บอก เลิก การ เช่า และ ส่ง สำเนา หนังสือบอกกล่าว ต่อ ประธานคณะกรรมการ เช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม ประจำ ตำบลหรือ จังหวัด แล้วแต่ กรณี การ ที่ โจทก์ มอบอำนาจ ให้ ทนายความ มีหนังสือ แจ้ง ไป ยัง จำเลย จึง ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมาย และ ค่าเสียหายที่ โจทก์ เรียก มา ไม่ ถูกต้อง ตาม ความ เป็น จริง ขอ ให้ ยกฟ้อง

ใน ชั้น ชี้สองสถาน ศาลชั้นต้น กำหนด ประเด็น ข้อพิพาท ว่า 1.จำเลย อาศัย หรือ เช่า ที่ดิน พิพาท ของ โจทก์ 2. จำเลย ได้ รับความ คุ้มครอง ตาม พระราชบัญญัติ การ เช่า ที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรมหรือไม่ และ 3. เรื่อง ค่าเสียหาย และ สั่ง ให้ โจทก์ นำสืบ ก่อนถึง วันนัด สืบพยาน โจทก์ โจทก์ ยื่น คำร้อง ขอ ให้ ชี้ขาด ข้อ กฎหมายเบื้องต้น ใน ประเด็น ข้อ 1 และ ข้อ 2 ส่วน ประเด็น ข้อ 3 โจทก์ ยอมรับเท่าที่ จำเลย ให้การ ต่อสู้ ไว้

ศาลชั้นต้น งด สืบพยาน โจทก์ จำเลย และ วินิจฉัย ว่า การ เช่า ที่ดินพิพาท ไม่ มี หลักฐาน เป็น หนังสือ ใช้ ยัน โจทก์ ไม่ ได้ จำเลย อยู่ใน ที่ดิน พิพาท เป็น การ ละเมิด ส่วน ประเด็น ว่า ได้ รับ ความคุ้มครอง ตาม พระราชบัญญัติ การ เช่า ที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม หรือไม่เป็น อัน ตก ไป พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย และ บริวาร และ ให้ ใช้ค่าเสียหาย

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยก คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ให้ ศาลชั้นต้น ดำเนินกระบวน พิจารณา ต่อไป แล้ว พิพากษา ใหม่ ตาม รูปคดี

โจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า จาก คำ ให้การ ของ จำเลย พืชเกษตรกรรม ที่จำเลย ให้การ ว่า ปลูก นั้น ส่วนใหญ่ เป็น ต้น มะพร้าว ต้นจาก และต้น พุทธรา ซึ่ง พืช เหล่านี้ ไม่ ใช่ พืชไร่ การ ทำ เกษตรกรรม ของจำเลย จึง ไม่ มี ลักษณะ เป็น การ ทำนา ตาม ความหมาย ของ บทบัญญัติมาตรา 21 พระราชบัญญัติ การ เช่า ที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2524กรณี นี้ จึง ต้อง นำ มาตรา 63 มา ใช้ บังคับ ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าวการ เช่า ที่ดิน เพื่อ ประกอบ เกษตรกรรม ประเภท อื่น นอกจาก การ เช่า นา เมื่อ รัฐบาล เห็น สมควร ให้ มี การ ควบคุม ตาม พระราชบัญญัติ นี้ก็ ให้ มี อำนาจ กระทำ ได้ โดย ตรา เป็น พระราชกฤษฎีกา ปรากฏ ว่าขณะนี้ ไม่ มี พระราชกฤษฎีกา ควบคุม การ เช่า ที่ดิน เพื่อ ประกอบเกษตรกรรม ประเภท อื่น ดังนั้น จำเลย จึง ไม่ ได้ รับ ความ คุ้มครองตาม พระราชบัญญัติ ดังกล่าว อนึ่ง เมื่อ เป็น การ เช่า ที่ดิน โดยไม่ มี หลักฐาน เป็น หนังสือ จำเลย ก็ ไม่ อาจ ยก เอา การ เช่านี้ขึ้น ต่อสู้ โจทก์ ได้ ตาม นัย แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538

พิพากษากลับ ให้ บังคับ คดี ตาม คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา ADMIN

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th