ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินและสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้รวม1,017,138.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แก่โจทก์หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองตามตราจองเลขที่ 28 มีชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์

ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ 1 ใน 9 ส่วน ขอให้กันส่วนที่ดินของผู้ร้องทั้งสี่ออกเสียก่อนและขายทอดตลาดเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 หากกันส่วนไม่ได้ก็ขอให้ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้ แก่โจทก์เท่าส่วนที่แต่ละคนมีสิทธิได้รับ

โจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

วันนัดพิจารณาคำร้อง โจทก์ จำเลยที่ 1 และผู้ร้องทั้งสี่แถลงร่วมกันว่า ผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ 1 ใน 9 ส่วน และร้องขอกันส่วนได้ผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งแปลงนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่ติดใจให้กันส่วน หากมีเงินเหลือจำนวนเท่าใดก็ให้ผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 มีสิทธิได้รับเงินคนละ 1 ใน 9 ส่วนของเงินที่จะตกได้แก่จำเลยที่ 2ผู้ร้องที่ 1 แถลงประสงค์จะให้ขายทอดตลาดโดยยกเว้นเฉพาะส่วนของผู้ร้องที่ 1

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องที่ 1 ขอให้ขายโดยเว้นส่วนของผู้ร้องที่ 1 นั้น ไม่อาจทำได้ตามกฎหมายเนื่องจากเป็นเรื่องกรรมสิทธิ์รวม ผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิเพียงขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเท่านั้น ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ให้ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินที่เหลือจากขายทอดตลาดและชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ1 ใน 9 ส่วน

ผู้ร้องที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้ร้องที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์และผู้ร้องที่ 1 ยอมรับว่าผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2จำนวน 1 ใน 9 ส่วน ซึ่งเป็นการถือกรรมสิทธิ์รวม ดังนั้นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของรวมแต่ละคนย่อมครอบไปเหนือทรัพย์สินทั้งหมดจนกว่าจะมีการแบ่ง ขณะนี้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องที่ 1 ทุกส่วนของที่ดินทั้งแปลง นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้แก่โจทก์ ก่อนผู้ร้องที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์รวมตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากที่ดินพิพาทก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจำนองจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสองผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนที่ดินของตนจากที่ดินที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำยึดไว้แต่ชอบที่จะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th