ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิเรียงกระทงลงโทษ ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน ปรับ4,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือนและปรับ 5,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ของกลางริบ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุกและปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลนั้นมีใจความว่า จำเลยขอให้การรับสารภาพ ความจริงอาวุธปืนตามฟ้องมีหมายเลขทะเบียน ก.ท.458014 แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากทะเบียนอาวุธปืนชำรุดหากสามารถตรวจสอบได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่จำเลย จึงขอให้ศาลรอการลงโทษด้วย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพ ศาลสอบแล้ว จำเลยยืนยันให้การตามนี้ โจทก์จำเลยไม่สืบพยานเห็นว่า คำให้การของจำเลยดังกล่าว จำเลยให้การปฏิเสธอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นอาวุธปืนมีทะเบียน เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม และมาตรา8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสอง โดยให้กำหนดโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









