สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2565

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2565

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 377

เงินมัดจำคือเงินที่มอบให้แก่กันในวันทำสัญญา แม้คู่กรณีจะระบุไว้ในสัญญาว่าโจทก์ได้ให้เงินมัดจำแก่จำเลย 1,000,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ งวดแรกชำระในวันทำสัญญา 500,000 บาท แต่ในวันทำสัญญาโจทก์ก็มิได้มอบเงิน 500,000 บาท แก่จำเลย คงให้จำเลยในวันหลัง เงิน 500,000 บาทนี้ จึงหาใช่เงินมัดจำตามกฎหมายไม่ แม้หากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยก็หาอาจริบเงินดังกล่าวในฐานะเป็นการริบเงินมัดจำได้ไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 423,835 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันผิดนัด (วันที่ 1 มีนาคม 2561) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 20,110 บาท

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 211,917.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 ตุลาคม 2561) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 423,835 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้ตกเป็นพับ

จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตฎีกาจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 โจทก์ตกลงซื้อผลลำไยล่วงหน้าจากจำเลยในที่ดิน 5 แปลง ต่อมาลดลงเหลือเพียง 1 แปลง มีต้นลำไยประมาณ 200 ต้น น้ำหนักผลประมาณ 15 ตัน ซื้อเฉพาะช่อดีเบอร์ 1 ถึงเบอร์ 4 ราคากิโลกรัมละ 40 บาท กำหนดราดสารเร่งดอกลำไยระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2560 เมื่อจำเลยราดสารเร่งดอกลำไยแล้วจึงมาลงวันกำหนดเก็บผลลำไยในสัญญา จำเลยราดสารเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 และลงวันที่กำหนดเก็บผลลำไยครั้งแรกวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 และตกลงราคากันใหม่เป็นราคากิโลกรัมละ 37 บาท วันทำสัญญาซื้อขายโจทก์มิได้วางมัดจำ ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2560 จำเลยรับเงินไปจากโจทก์ 500,000 บาท วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 คนงานของโจทก์เข้าเก็บผลลำไยในสวนของจำเลยได้น้ำหนักรวม 2,058.5 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 76,165 บาท คงเหลือเงินส่วนต่าง 423,835 บาท โจทก์เรียกส่วนต่างคืนจากจำเลย จำเลยปฏิเสธอ้างว่าเป็นการซื้อขายเหมา โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิริบเงิน 500,000 บาท ที่รับมาจากโจทก์ในฐานะเป็นเงินมัดจำ

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยเป็นประการแรกว่า เงินที่จำเลยรับจากโจทก์ 500,000 บาท นั้น เป็นเงินมัดจำหรือไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 บัญญัติว่า "เมื่อเข้าทำสัญญา ถ้าได้ให้สิ่งใดไว้เป็นมัดจำ…" ซึ่งหมายถึงว่า มัดจำนั้นต้องเป็นสิ่งที่มอบไว้ให้แก่กันในวันทำสัญญา กรณีตามปัญหา แม้ว่าคู่กรณีจะระบุไว้ในสัญญาว่าโจทก์ได้ให้เงินมัดจำแก่จำเลย 1,000,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ งวดแรกชำระในวันทำสัญญา 500,000 บาท ก็ตาม แต่ในวันนั้นโจทก์ก็มิได้มอบเงิน 500,000 บาท แก่จำเลย คงให้จำเลยไปรับในวันหลัง เงินที่จำเลยรับในวันดังกล่าว จึงหาใช่เงินมัดจำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ คงเป็นเพียงเงินซื้อผลลำไยล่วงหน้าที่โจทก์มอบให้แก่จำเลยเท่านั้น แม้หากจะฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยก็หาอาจจะริบเงินดังกล่าวในฐานะเป็นการริบเงินมัดจำได้ไม่ ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปคือ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ ก่อนอื่นเห็นสมควรพิจารณาก่อนว่าโจทก์มีเจตนาที่จะออกใบปิดสวนให้แก่จำเลยหรือไม่ โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้ออกใบปิดสวนให้แก่จำเลยแล้ว แต่ฝ่ายจำเลยไม่ยอมลงชื่อในใบปิดสวน จำเลยอ้างว่า โจทก์ไม่ได้ออกใบปิดสวนให้แก่จำเลย จากทางนำสืบของคู่ความได้ความว่า ใบปิดสวนนี้คือเอกสารที่แสดงว่าโจทก์เสร็จสิ้นการเก็บผลลำไยในสวนที่ตนตกลงซื้อแล้ว จำเลยมีสิทธินำผลลำไยที่เหลืออยู่ในสวนที่เรียกกันว่าลำไยก้นสวนไปจำหน่ายให้แก่

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.529/2564

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ห. จำเลย - นาย อ.

ชื่อองค์คณะ อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย สิริกานต์ มีจุล ประชา งามลำยวง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดจันทบุรี - นายธวัชชัย หมื่นนาวี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 - นางยุพา วงศ์ทองทิว

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th