ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 3 ปี เพราะจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนนายหลวยตาย
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2502
จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2502 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวเฉพาะข้อ 2 ข. ซึ่งจำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับคำฟ้อง
ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม 2502 จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาอ้างว่า เพื่อจะได้ไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
วันที่ 24 กรกฎาคม 2502 จำเลยทำฎีกายื่นขึ้นมาใหม่ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย 2 ข้อ
ปัญหามีว่า ฎีกาของจำเลยซึ่งยื่นใหม่นี้ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่มีความเห็นว่า เพราะในการร้องขอถอนฎีกาฉบับแรก จำเลยก็ได้ระบุไว้ว่าขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่ และศาลชั้นต้นก็ได้อนุญาต ทั้งฎีกาที่ยื่นใหม่จำเลยก็ยื่นภายในกำหนดอายุความฎีกาจึงรับฎีกาจำเลยไว้พิจารณาได้
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องและว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานสนับสนุน นั้นในปัญหาแรก ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า สาระสำคัญที่โจทก์กล่าวหาอยู่ที่ว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาทปราศจากการระมัดระวัง เป็นเหตุให้รถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาก็ได้ความทำนองนี้คือ จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็ว เป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าสาระสำคัญที่โจทก์หาว่าจำเลยทำให้คนตายโดยประมาทตามที่กล่าวในฟ้องมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้ความในชั้นพิจารณาแต่ประการใดในปัญหาหลัง ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงโดยมีพยานหลักฐานในท้องสำนวนสนับสนุนอยู่แล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








