ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จไปแจ้งแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามชุกว่าสมุดเช็คของจำเลยหายไป ซึ่งความจริงแล้วสมุดเช็คที่จำเลยแจ้งหาย ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด ต่อมาจำเลยได้ออกเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสามชุก สั่งจ่ายเงิน 15,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงิน 15,000 บาทให้แก่จำเลยไป ครั้นเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 341, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ไว้ก่อนการสอบสวนจึงเป็นไปโดยมิชอบ ถือว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดฐานนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 กระทงหนึ่งและผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีหนึ่งกระทง ให้ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง ข้อหาและคำขออื่นของโจทก์ให้ยกฟ้อง

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาแจ้งความเท็จและข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้นโจทก์จะฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกงได้หรือไม่นั้น เห็นว่า แม้เดิมผู้เสียหายจะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้นและได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วยจึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้ว การสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้ว เชื่อว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็คและจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงผู้เสียหายซึ่งเป็นกรรมเดียวกัน และจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงาน

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ลงโทษจำคุก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุกตามมาตรา 341 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำเลยคืนเงิน 15,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th