ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335, 357
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยทั้งสองรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายไพโรจน์ พี่จำเลยที่ 1 ลักรถยนต์ของกลางไป ผู้เสียหายที่ 2 ได้บอกให้จำเลยที่ 1 ช่วยติดตามรถยนต์คืน และมอบเงินให้จำเลยที่ 1 จำนวน 2,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการติดตาม และตามข้อนำสืบของจำเลยที่ 1 ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ติดตามไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดเลยแต่ไม่พบรถยนต์ ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ติดตามไปที่จังหวัดนครพนมจึงได้พบนายไพโรจน์ และนายไพโรจน์ต้องการเงิน 30,000 บาทเป็นค่าไถ่รถยนต์นั้น จำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่ 2ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่ 1 ที่ธนาคารไทยพาณิชย์สาขานครพนม จำเลยทั้งสองจึงไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์อะไรจากเงินค่าไถ่รถยนต์เลย เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของนายไพโรจน์ให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ การจะตัดสินใจอย่างไรเพื่อจะให้ได้รับรถยนต์คืนมาเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่ 2จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่ 2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่ จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ และได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่ 1 โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วยจำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








