สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 22, 335 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 163

โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรีขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2529เวลากลางวัน จำเลยได้เข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของพันโทธนา เศรษฐจันทร ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักเอาเครื่องเล่นวีดีโอเทปจำนวน 1 เครื่อง ราคา 14,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งเก็บไว้ในเคหสถานนั้นไปโดยสุจริต เหตุเกิดที่แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร อนึ่ง จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาของศาลแขวงพระนครเหนือ คดีหมายเลขแดงที่ 4014/2530, 4731/2530,6173/2530, 4122/2530 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 1751/2533, 1941/2533, 2188/2533,2202/2533, 2308/2533, 2477/2533, 2478/2533, 2506/2533, 2507/2533,2505/2533 คดีหมายเลขดำที่ 579/2533, 1588/2533, 1590/2533 และเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาของศาลชั้นต้นคดีหมายเลขแดงที่4492/2533 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 817/2533, 861/2533, 2749/2533,2818/2533, 2900/2533, 2901/2533, 2973/2533, 2974/2533 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงดังกล่าวรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรีและหมายเลขคดีดำของศาลอาญาธนบุรีและของศาลชั้นต้นที่ยังมิได้พิพากษา

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขดำและหมายเลขแดงต่าง ๆ ที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) วรรคแรก จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี4 เดือน ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาของศาลแขวงพระนครเหนือคดีหมายเลขแดงที่ 4014/2530, 4731/2530, 6173/2530, 4122/2530คดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 1751/2533, 1941/2533,2188/2533, 2202/2533, 2308/2533, 2477/2533, 2478/2533,2506/2533, 2507/2533 คดีอาญาของศาลชั้นต้นคดีหมายเลขแดงที่4665/2533 และ 4772/2533 คดีอื่นไม่ปรากฏว่าศาลได้พิพากษาแล้ว คำขออื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ศาลนับโทษของจำเลยติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 2505/2533, 2510/2533และคดีหมายเลขแดงที่ 4492/2533 ของศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2505/2533 ของศาลอาญาธนบุรี และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4492/2533 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา ขอให้ศาลนับโทษของจำเลยติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรีอีกคดีหนึ่ง โดยอธิบดีกรมอัยการได้ลงลายมือชื่อรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องลงวันที่ 21 มิถุนายน 2533 27 มิถุนายน 2533 และ 13 กรกฎาคม 2533แล้ววินิจฉัยว่าเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องดังกล่าวได้ และข้อความที่โจทก์ขอเพิ่มเติมใหม่ตั้งแต่บรรทัดที่ 14 ระบุว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 2188/2533, 1751/2533, 2505/2533, 1941/2533,2477/2533, 2308/2533, 2506/2533, 2478/2533, 2507/2533, 2202/2533โดยไม่ระบุถึงคดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 หรือคดีหมายเลขดำที่622/2533 ของศาลอาญาธนบุรี จึงต้องถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี แม้ว่าในคำฟ้องของโจทก์ตามคำร้องขอแก้ฟ้องฉบับเดียวกันได้ระบุคำขอท้ายฟ้องไว้ในแผ่นที่ 2 หน้าที่ 2บรรทัดที่ 1 ขอให้นับโทษของจำเลยติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ก็เป็นคำขอที่ไม่มีข้อเท็จจริงในคำฟ้อง การที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ฟ้องไว้นั้น ย่อมหมายความว่า จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในฟ้องซึ่งไม่ได้บรรยายไว้ว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี นั่นเอง โจทก์จะขอให้ถือเอาคำขอท้ายฟ้องซึ่งมีข้อเท็จจริงนอกเหนือไปกว่าที่กล่าวไว้ในฟ้องไปนับโทษติดต่อกันเป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ กรมอัยการ จำเลย - นาย วิจิตร เพียร วิมังสา

ชื่อองค์คณะ ไพฑูรย์ เนติโพธิ์ นาม ยิ้มแย้ม โสภณ จันเทรมะ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE