ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าตอบแทนในการจัดงานในนามของโจทก์เป็นเงินจำนวน 575,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน500,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า ตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2530 และข้อบังคับของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้โจทก์มีฐานะเป็นกลุ่มสมาชิก การดำเนินกิจกรรมหรือทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของกลุ่มสมาชิกให้อยู่ภายใต้การควบคุมและรับผิดชอบของคณะกรรมการกลุ่มสมาชิกโดยไม่มีผลผูกพันกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทางกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งตามข้อบังคับของโจทก์ก็ได้มีข้อกำหนดดังกล่าว และยังให้คณะกรรมการโจทก์มีอำนาจวางนโยบายดำเนินงานของโจทก์ภายใต้ขอบเขตหน้าที่และวัตถุประสงค์ สำหรับกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกได้กำหนดให้ประธานโจทก์เป็นผู้แทนของโจทก์สามารถกระทำการแทนโจทก์ได้ โจทก์จึงไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นสาขาในจังหวัดอื่นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เองนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 มาตรา 5 วรรคสอง บัญญัติว่า ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล และมาตรา 8 วรรคแรก บัญญัติว่า ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครและให้มีสำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นได้ตามความจำเป็น แม้โจทก์จะได้รับการสถาปนาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำดับที่ 2 ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีอำนาจกระทำได้ตามมาตรา 9 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ตามโจทก์ก็ยังคงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเท่านั้น เพราะตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 มิได้กำหนดให้กลุ่ม"อุตสาหกรรม" หรือ "กลุ่มท้องที่" ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นนั้นเป็นนิติบุคคลแยกเป็นต่างหากแต่ประการใด แม้ตามระเบียบข้อบังคับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยฉบับที่ 5 ว่าด้วยกลุ่มสมาชิก พ.ศ. 2540 ข้อ 9 จะกำหนดว่าเมื่อมีการจัดตั้งกลุ่มสมาชิกแล้ว ให้คณะกรรมการกลุ่มสมาชิกดำเนินกิจการหรือทำนิติกรรมใด ๆในนามของกลุ่มสมาชิกนั้น ๆ ภายใต้การควบคุมและรับผิดชอบของคณะกรรมการกลุ่มสมาชิกและสมาชิกของกลุ่ม การดำเนินการใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น ไม่มีผลผูกพันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทางกฎหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้นก็ตาม ก็หามีผลทำให้โจทก์ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกที่จัดตั้งขึ้นมีฐานะเป็นนิติบุคคลไม่ เมื่อโจทก์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นเพียงสำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 มาตรา 8 วรรคแรก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีเองได้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์พิพาทจึงเกินอัตราตามกฎหมาย"

พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินจาก 200 บาท ให้โจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th