ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องขัดทรัพย์สำหรับบ้านพิพาทเลขที่ 58/75ฯ และให้ถอนการยึดทรัพย์บ้านพิพาทเลขที่ 58/116ฯ ปล่อยทรัพย์ดังกล่าวคืนแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีนี้มีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะบ้านเลขที่ 58/75 ซอยมีสุข 138 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่นเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า การเพิกถอนการฉ้อฉลนั้นโจทก์จะต้องไปฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมที่อ้างว่าเป็นการฉ้อฉลเสียก่อน ตามคำคัดค้านของโจทก์ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่าเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยโดยให้เพิกถอนนิติกรรมจึงเป็นการไม่ชอบ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการร้องขอให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึด ประเด็นมีอยู่ว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยึดนั้นหรือไม่ ฉะนั้น ศาลแรงงานกลางย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าการยกทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นการสมยอมกันเพื่อให้ทรัพย์ที่ยึดหลุดพ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้ได้ โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมการโอน หรือการฉ้อฉลเป็นคดีใหม่ต่างหาก และที่ศาลวินิจฉัยเช่นนั้นไม่เป็นเรื่องนอกประเด็น คดีนี้เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำหนังสือยกบ้านพิพาทเลขที่ 58/75 ให้ผู้ร้องเป็นการสมยอมกันทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบ เป็นการฉ้อฉล บ้านพิพาทเลขที่58/75 จึงยังเป็นกรรมสิทธิของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ศาลชอบที่จะพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์เสียได้ อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าอย่างไรก็ตามแม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลนั้นก็ขาดอายุความหนึ่งปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบหรือควรจะทราบพิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของผู้ร้อง มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษา จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า หนังสือสัญญายกให้เอกสารหมาย ร.1 เป็นเอกสารมหาชน ย่อมสันนิษฐานว่าผู้ร้องผู้มีชื่อทางทะเบียนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทเลขที่ 58/75 การนำสืบของโจทก์ โจทก์นำสืบหักล้างพยานเอกสารหมาย ร.1 อันเป็นเอกสารมหาชน เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและนำสืบนอกคำคัดค้าน พิเคราะห์แล้วเห็นว่าอุทธรณ์ของผู้ร้อง ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่า การโอนบ้านพิพาทเลขที่ 58/75 ระหว่างนายประสิทธิ์ ศิริขันธ์ กับผู้ร้องเป็นการสมยอมกัน ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบนิติกรรมสัญญายกให้เป็นการฉ้อฉล บ้านพิพาทเลขที่ 58/75 จึงยังคงเป็นของนายประสิทธิ์ ศิริขันธ์ อยู่ดังนี้ข้อกฎหมายที่ผู้ร้องยกมากล่าวในอุทธรณ์ก็เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ว่าบ้านพิพาทเลขที่ 58/75 ไม่ใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่เป็นของผู้ร้องนั่นเอง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 55 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเช่นเดียวกัน"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th