ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาตามข้อฎีกาของจำเลยแต่เพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ได้พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองภูเก็ต มีอำนาจหน้าที่สอบสวนควบคุมและให้ประกันผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามสัญญาประกันที่โจทก์คัดสำเนาส่งศาลท้ายฟ้องมีข้อความระบุว่า จำเลยทำสัญญาประกันให้ไว้แก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือภูเก็ตโดยจำเลยได้รับประกันตัวนายเชียร สมสะอาด ซึ่งต้องหาว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯลฯ ไปจากความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ และสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาให้ตามกำหนดนัด ถ้าผิดสัญญายอมใช้เงิน 50,000 บาท ตอนท้ายลงชื่อจำเลยผู้ประกันและลงชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนผู้รับสัญญา ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อผู้ต้องหาถูกเจ้าพนักงานจับกุม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106 ได้บัญญัติให้ผู้ต้องหาหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อพนักงานสอบสวนได้ หากผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่และมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ฉะนั้นเมื่อมีกรณีผิดสัญญาประกันเกิดขึ้นในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจที่จะฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาประกันได้ ที่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า จำเลยทำสัญญาประกันกับร้อยตำรวจตรีบุญสาร คำหว่าน พนักงานสอบสวน พันตำรวจตรีคงพล สุวรรณรักษ์ ไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทนร้อยตำรวจตรีบุญสาร คำหว่าน ทั้งโจทก์เองก็มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองภูเก็ต มีอำนาจหน้าที่สอบสวนและให้ประกันผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของโจทก์ชัดแจ้งอยู่แล้ว ข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยทำสัญญากับร้อยตำรวจตรีบุญสาร พันตำรวจตรีคงพลไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทนร้อยตำรวจตรีบุญสารนั้น เห็นว่า ร้อยตำรวจตรีบุญสารทำสัญญาประกันผู้ต้องหากับจำเลยในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวน มิได้ทำในฐานะส่วนตัว เมื่อจำเลยผิดสัญญาประกันจำเลยก็ต้องรับผิดชอบต่อพนักงานสอบสวน พันตำรวจตรีคงพลสารวัตรใหญ่เป็นพนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยต่อศาลให้บังคับตามสัญญาประกันที่จำเลยทำไว้ได้"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา