ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ขายที่ดินพิพาท 11 แปลง แก่จำเลยโดยจำเลยเข้าใจว่าที่ดินพิพาทติดถนน หลังจากจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันแล้ว จำเลยจึงทราบว่าที่ดินพิพาทไม่ติดถนน โจทก์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยกับบริวารรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท และให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 11 แปลงคืนโจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทน

จำเลยให้การว่า ได้ซื้อที่ดินพิพาททั้ง 11 แปลงจากโจทก์โดยโจทก์ทำกลฉ้อฉลหลอกลวงให้จำเลยหลงเชื่อรับซื้อที่ดินพิพาทในราคาสูงกว่าที่เป็นจริงในขณะนั้น สัญญาซื้อขายที่จำเลยกระทำเพราะถูกโจทก์หลอกลวงนั้นไม่ถึงขั้นตกเป็นโมฆะคงเป็นเพียงโมฆียะเท่านั้นคู่สัญญาฝ่ายที่มีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมได้แก่จำเลยฝ่ายเดียวกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้ง 11 แปลง โอนมาเป็นของจำเลยแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์คืนและไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรม นายมาโนชภาคยวงศ์ ทายาทของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลอุทธรณ์อนุญาต

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เหตุที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนที่ดินพิพาท 11 แปลงแก่โจทก์โดยอ้างว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมการซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะสืบเนื่องมาจากจำเลยฟ้องโจทก์ฐานฉ้อโกงในการที่โจทก์หลอกลวงจำเลยว่าที่ดินพิพาทอยู่ติดถนนอ่อนนุชทำให้จำเลยเข้าทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์โดยสำคัญผิด คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาลงโทษโจทก์ เห็นว่าการที่จำเลยซื้อที่ดินพิพาทโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินพิพาทติดถนนอ่อนนุชไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ซึ่งความจริงที่ดินพิพาทมิได้อยู่ติดถนนอ่อนนุช ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆียะ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายมีสิทธิบอกล้างได้บอกล้างนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทต่อโจทก์อันจะเป็นผลให้นิติกรรมเป็นโมฆะแต่แรกซึ่งคู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม ที่โจทก์อ้างว่านิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะเพราะเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม จึงไม่อาจรับฟังได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th