ชั้นบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์อันดับที่ 1, 2, 3 รวมกัน นายพิชิตให้ราคาสูงสุด 350,000 บาทสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานประเมินไว้ จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่โดยจะหาคนมาซื้อให้มีราคาสูงกว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 1 มีโอกาสเข้าสู้ราคาแล้ว เมื่อมีผู้สู้ราคาสูงสุดกว่าราคาประเมิน จึงอนุญาตให้ขายทอดตลาดได้ ให้ยกคำร้องจำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้สั่งให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดรายนี้ไว้ก่อนเพื่อจะขายทอดตลาดใหม่หากอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1ฟังขึ้นจึงเป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 กรณีไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2), 247พิเคราะห์ฎีกาจำเลยที่ 1 โดยตลอดแล้ว เห็นว่า ในการขอให้ทำการขายทอดตลาดใหม่ของจำเลยที่ 1 นั้น เนื่องจากคดีนี้จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ประมาณ 400,000 บาท ทรัพย์ที่ขายจำเลยจำนองไว้แก่ธนาคารโจทก์ 270,000 บาท และต่อมาได้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์มีจำนวนสูงกว่านี้ตามที่โจทก์ฟ้องราคาทรัพย์ที่แท้จริงตามที่โจทก์รับจำนองประมาณราคาอย่างต่ำ 650,000 บาท และอย่างสูง920,000 บาท ดังปรากฏรายละเอียดในอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1แล้ว ประกอบกับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รายงานการขายว่าการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งแรก ราคาที่ขายได้สูงกว่าราคาที่ประเมินไว้จริง แต่บริเวณนี้ยังไม่มีการขายทอดตลาด ยังไม่ทราบราคาที่มีการซื้อขายกัน ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1มีเหตุผลที่ศาลอาจจะมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ก็ได้ หากไม่งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้อง อาจก่อให้เกิดผลเสียหายได้ ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น"

พิพากษากลับ ให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้องลงวันที่ 3 ธันวาคม 2527 ไว้ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา