ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องจำเลยขอแบ่งมรดกที่บ้านมีโฉนดตราจองและที่นาอีก1 แปลง คนละ 1 ใน 3 ส่วน

จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้ครอบครองมาฝ่ายเดียว คดีขาดอายุความมรดก

ในวันชี้สองสถาน โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะที่นา คงพิพาทกันเฉพาะที่บ้านซึ่งรับกันว่าเป็นมรดกของนางริดมารดาโจทก์ จำเลยนางริดตายมาได้ 18 ปีแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้ครอบครองที่บ้านมรดกมาฝ่ายเดียว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่านายแป้ะโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทส่วนนางหลิมโจทก์เคยอยู่กับนางริดมารดาที่เรือนมารดาในที่พิพาทนางริดตายมาราว 18 ปีแล้ว เมื่อนางริดตายราว 4-5 เดือน พวกลูก ๆได้ตกลงรื้อเรือนถวายวัด นางหลิมโจทก์คงอาศัยอยู่ที่เรือนนายเช้าจำเลยซึ่งปลูกอยู่ติดต่อกับเรือนนางริดในที่ดินพิพาทนั้นเอง อยู่ได้ราว 7-8 เดือนก็ไปอยู่จังหวัดเพ็ชรบูรณ์เพิ่งกลับมาเมื่อราวเดือน3-4 พ.ศ. 2498 แล้วเกิดคดีฟ้องร้องกันระหว่างโจทก์จำเลยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2498

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "การที่นางหลิมโจทก์อยู่เรือนมารดามาอีกหลายเดือนนับแต่มารดาตาย แล้วอยู่ที่เรือนนายเช้าจำเลยในที่พิพาทอีก รวมอยู่ได้ราวปีเศษจึงไปอยู่จังหวัดเพ็ชรบูรณ์นั้นนับว่านางหลิมได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมากับนายเช้าด้วยกันในตอนแรก ฉะนั้น นางหลิมโจทก์กับนายเช้าจึงมีฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมา การมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในเบื้องต้นต้องถือว่าได้ครอบครองไว้แทนกัน ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมฝ่ายหนึ่งจะอ้างอำนาจครอบครองเป็นปรปักษ์ได้ก็ต่อเมื่อได้แจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าไม่มีเจตนาจะยึดทรัพย์สินนั้นแทนต่อไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 แต่คดีนี้ไม่ปรากฏว่านายเช้าจำเลยได้แจ้งให้นางหลิมทราบว่าตนจะครอบครองที่พิพาทไว้เป็นปรปักษ์เพื่อตนโดยเฉพาะ ดังนี้ ในระหว่างที่นางหลินไปอยู่จังหวัดเพ็ชรบูรณ์ จึงถือว่านายเช้าได้ครอบครองที่ไว้แทนในฐานะเป็นเจ้าของร่วมคดีสำหรับนางหลิบยังไม่ขาดอายุความ

เมื่อนางหลิมและนายเช้าคงเป็นผู้รับมรดกนางริดมารดาอยู่เพียง2 คน นางหลิมจึงมีสิทธิได้รับทรัพย์พิพาท 1 ใน 2 ส่วน แต่ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามคำขอท้ายฟ้องของนางหลิม ๆ ขอส่วนได้เพียง 1 ใน 3 ส่วน ฉะนั้น ศาลจะพิพากษาให้เกินคำขอไม่ได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทให้นางหลิมโจทก์ตามคำขอ 1 ใน 3 ส่วน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th