คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2592/2542
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192 วรรคสอง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 4
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มของโจทก์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าอ. เป็นผู้สั่งซื้อ แต่การที่จำเลยจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 หรือไม่ อยู่ที่ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์หรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มหรือไม่ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องเช่นนี้จึงมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอยและมิได้นำสืบต่อสู้เฉพาะในข้อเท็จจริงนี้เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยหลงต่อสู้ข้อเท็จจริงที่แตกต่างดังกล่าวมิได้เป็นเหตุถึงกับจะต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1)(2) ลงโทษจำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาบางลำภู ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2538จำนวนเงิน 267,715 บา ชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์ อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดโจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้ว เป็นการที่จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อเสาเข็มจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทชำระราคาแต่ทางพิจารณาได้ความว่านายอัครเดช วิฑูรแก้วศิริ เป็นผู้สั่งซื้อ จำเลยไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเห็นว่า แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่จำเลยฎีกาแต่เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้ที่นายอัครเดชมีอยู่กับโจทก์ อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปมีว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คพิพาทชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์ โดยมิได้บรรยายว่าชำระราคาแทนนายอัครเดช จำเลยไม่อาจเข้าใจข้อกล่าวหาได้ เห็นว่าฟ้องที่จะชอบด้วยบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ อยู่ที่ว่าฟ้องนั้นได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คพิพาทชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์ อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีเจตนาที่จะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเป็นการบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 แล้ว จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปมีว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องอันจะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสองหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มของโจทก์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่านายอัครเดชเป็นผู้สั่งซื้อ ข้อเท็จจริงแตกต่างกันในสาระสำคัญและจำเลยหลงต่อสู้นั้นเห็นว่าจำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่อยู่ที่ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์หรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มหรือไม่ ดังนั้นข้อแตกต่างดังกล่าวจึงมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอย และมิได้นำสืบต่อสู้เฉพาะในข้อเท็จจริงนี้เท่านั้น จึงไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้ ดังนั้น แม้จะฟังว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องดังที่จำเลยฎีกา ศาลก็ยังคงลงโทษจำเลยได้ มิได้เป็นเหตุถึงกับจะต้องยกฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ไฮเทค ไทย คอนกรีต จำกัด จำเลย - นางสาว อรพินทร์ กิติศุภกร
ชื่อองค์คณะ ทองหล่อ โฉมงาม สกนธ์ กฤติยาวงศ์ กมล เพียรพิทักษ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan