ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยพามีดยาวประมาณ 9 นิ้ว จำนวน 1 เล่ม ไปในซอยหลังวัดประยูรวงศาวาส ถนนประชาธิปก อันเป็นเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แล้วจำเลยใช้มีดดังกล่าวแทงนายชำนาญ ปลิวมาผู้เสียหาย 2 ครั้ง ถูกบริเวณรักแร้ บาดแผลทะลุช่องปอดและเฉี่ยวลำคอผู้เสียหาย โดยมีเจตนาฆ่า จำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากแพทย์รักษาบาดแผลได้ทันท่วงที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 91และ 288 ริบมีดของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แต่รับว่าได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 371 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานพยายามฆ่า ตามมาตรา 288, 80 จำคุก 12 ปีฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะตามมาตรา 371ปรับ 90 บาท รวมจำคุก 12 ปี และปรับ 90 บาท จำเลยรับว่าได้ใช้มีดแทงผู้เสียหาย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปี และปรับ 60 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบมีดของกลาง

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยแทงอ้อมผ่านตัวนายสุรพลซึ่งขณะนั้นนายสุรพลกำลังจับมือผู้เสียหายอยู่ และผู้เสียหายยืนหันหลังให้จำเลย จำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้ แต่จำเลยเลือกแทงบริเวณรักแร้ซ้ายของผู้เสียหายโดยแรงจนคมมีดทะลุช่องปอดซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งยังได้แทงซ้ำอีก 1 ครั้งที่บริเวณลำคอผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายดังที่จำเลยฎีกาไม่

อนึ่ง คดีนี้ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยพามีดยาวประมาณ 9 นิ้ว จำนวน 1 เล่ม ไปในซอยหลังวัดประยูรวงศาวาสถนนประชาธิปก อันเป็นเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรก็ตามแต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้างมาตรา 371 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฟ้องโจทก์ฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ ศาลจะลงโทษตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับว่าใช้มีดแทงผู้เสียหายนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 ปี ริบมีดของกลาง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th